วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เจาะลึกความสำเร็จของ Alibaba

 Alibaba คืออะไร?


    Alibaba คือ เว็บไซต์ตลาดออนไลน์สัญชาติจีนที่ได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2542 โดย “แจ๊ค หม่า” อยู่ในรูปแบบการค้าขาย B2B Marketplace ที่มีไว้เพื่อขายส่งสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจ มีสินค้าหลากหลาย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเน้นซื้อในปริมาณมากมาขายทำกำไร มีการกำหนดยอดขั้นต่ำเอาไว้แล้วระบุเป็นแคตตาล็อกสำหรับจำหน่ายสินค้า ยิ่งซื้อมากราคาก็จะถูกลงตามไปด้วย

    โมเดลธูรกิจของ Alibaba


    ทำธูรกิจแฟลต์ฟอร์มค้าปลีกแบบC2C (customer to customer) โดยให้คนที่ต้องการขายสินค้ามาเปิดร้านค้าออนไลน์บนแฟลต์ฟอร์มได้ฟรี และจะเก็บค่าใช่จ่ายเมื่อผู้ขายต้องทำการตลาดหรือโฆษณาสินค้าปัจจุบันเถาเป่ามีคนขายยสินค้าในระบบประมาณ 400ล้านราย

ทำธูรกิจค้าแพลต์ฟอร์มค้าปลีกแบบ B2C ( business to customer) โดยให้ร้านค้าแบรน์ดังเข้ามาขายในแพลต์ฟอร์ม จะเก็บค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายและเก็บค่าบริการรายปี
ไช่เหนี่ยวหว่างลั่ว เป็นแพลต์ฟอร์มด้านโลจิตกส์ของอาลีบาบา โดยไม่ได้ัมีรถขนส่งเป็นของตัวเองแต่เน้นการเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงบริษัทขนส่งต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อรองรับการจัดส่งสินค้าออนไลน์ โดยมีการใช้ AI  มาวิเคราะห์การจัดการ โลจิสติกส์ ให้มีประสิทธิภาพ เช่น วิเคราะห์เส้นทาง และบริการการจัดส่งสินค้า เป็นต้น
    ลักษณะการดำเนินกิจการ
1. cainiao ลงทุนซื้อคลังสินค้าของตัวองแต่่ใช้รถ Line Hall และรถส่ง Last mile ของบริษัทพันธมิตร

2.cainiao มีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่คลังสินค้า โดยเฉลี่ยลูกค้าของ cainiao ค่าขนส่งของผู้ใช้บริการขนส่งรายย่อยอยู่ที่ 20-25 บาทต่อชิ้น โดยขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งทั่วไปมีคลังสินค้าให้ด้วย จะอยู่ที่ประมาณ 50 บาทต่อชิ้น 

3.ถ้าคลังสินค้าเต็มก็ยังสามารถเช่าคลังสินค้าของพันธมิตรผ่านระบบ ai ได้

4.การเชื่อมโยงของระบบ skynet และ Ground network ทำให้ขนส่งสินค้าพันนธมิตรของ Alibaba ไปปรากฏชื่อใน Platform E-commerce ทั้ง taobao และ Tmall ซึ่งความเชื่อมโยงไม่จำกัดแค่ระบบขนส่งแต่รวมระบบ จ่ายเงินออนไลน์และการจ่ายเงินปลายทาง

5.การใช้ big date และการใช้พันธมิตร ทำให้ cainiao   ไม่ต้องจ้างคนเยอะเกินไป หลักจากก่อตั้งบริษัทได้ 2 ปี มีพนักงาน 1000 คน แต่มีการประสานงานกับผู้คนมากกว่า 200 ล้านคน ใน 1 วัน เพื่อจัดการพัสดุ มหาศาลประมาณ  35 ล้านชิ้นต่อวัน  


6.cainiao ยังได้ทำการลดต้นทุน ค่าเอกสารโดยการหันมาใช้เอกสารอิเลกทรอนิกส์แทน ซึ่งช่วยทำให้ส่งพัสดุเร็วขึ้น 30 % และลดต้นทุนค่าเอกสารมากว่า 50 % รวมเป็นเงินปีละ 6,000ล้านกว่าบาท

เว็บไซต์บริษัท : https://bsgroupthailand.com/news-detail.php?id=58








วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566

แนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย

 

แนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย

ร่งพัฒนาและผลักดันการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก และพัฒนาปัจจัยสนับสนุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

ยกระดับโครงสร้างขึ้นพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในอุตสาหกรรมโสจิสลิกส์ รวมทั้งพัฒนา และเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง​

1.พัฒนาโครงสร้งพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมโลจิสติกส์ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ใช้ครบวงจรอย่างมืออาชีพ

2.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการใช้ประโยชน์ จาก Application หรือ

Platform Online ในการขนส่งสินค้า บริหารจัดการคลังสินค้า และ กิจกรรมโลจิสติกส์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน


3.พัฒนาการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลด้านโสจิสติกส์ ของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลไปใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ ติตามประเมินผล และวางแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจ


4.การพัฒนาแบบจำลองธุรกิจ (Simulation Model) เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์และเตรียม ความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของตลาดได้ทันต่อสถานการณ์


สนับสนุนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ B2C (Business to Cosnsumer) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมืออาชีพ


สนับสนุนการเชื่อมโยงการค้าสู่รูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) เพื่อขยายโอกาส

ทางการตลาดและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

(Digital Technology)


ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ

ส่งเสริมผู้ประกอบการในการปรับการบริหารคลังสินค้าให้สามารถรองรับการดำเนินธุรกิจแบบ e-Commerce เช่น

1.การบริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บสินค้าระหว่างการผลิต (Work in Process) เพื่อตอบสนองการผลิตขั้น

สุดท้ายตามความต้องการของผู้บริโภค

2.การพัฒนาการบริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง (Fulfillment)

3.พัฒนาเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าส่วนภูมิภาค (Regional Distribution) เพื่อตอบสนองความ

ต้องการขนส่งแบบถึงมือผู้รับ (Door-to-Door) ได้ย่างมีประสิทธิภาพ


สร้างเครือข่ายผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยและสร้างพันธมิตรกับผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค


1.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย เข้าร่วมลงทุนและสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการต่างประเทศทั้งใน

ภูมิภาคและอนุภูมิภาค เพื่อขยายฐานการตลาดและสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจ


2.พัฒนาศูนย์ให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านโลจิสติกส์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ

นำเข้า-ส่งออก การขนส่ง และกิจกรรมโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ตลอดจนระเบียบและวิธีการปฏิบัติของแต่ละประเทศ


3.ส่งเสริมการปรับรูปแบบการดำเนินกธุรกิจไปสู่แนวศิดเศรษฐกิจแบ่งบัน (Sharing Economy) เพื่อให้เกิด

การใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ


4.สนับสนุนมาตรการทางการเงินและทางภาษีให้แก่ผู้ให้บริการโสจิสติกส์ไทยในการลงทุนและสร้างเครือข่ายในต่างประเทศ


เว็บไซต์บริษัท : https://bsgroupthailand.com/news-detail.php?id=58


วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เทคนิค ยิง Facebook Video Ads ยังไงให้รุ่ง


เทคนิค ยิง Facebook Video Ads ยังไงให้รุ่ง



สำหรับเจ้าของธุรกิจที่มี Facebook Fanpage เป็นของตัวเอง ร้อยทั้งร้อยก็ต้องอยากทดลองยิงแอด Facebook แบบวิดีโอดูสักครั้ง เนื่องจากในปัจจุบันพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป พวกเขามักไถฟีดเพื่อเน้นชมคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น หากคุณคือหนึ่งในเจ้าของธุรกิจที่อยากศึกษาเรื่องการยิง Facebook Video Ads บทความนี้มีคำตอบดี ๆ ให้กับคุณ!

คุณสมบัติของชิ้นงานโฆษณาแบบวิดีโอ

ก่อนที่เราจะเข้าสู่เรื่อง “เทคนิคการยิง Facebook Video Ads” สิ่งที่คุณควรทราบ คือคุณสมบัติของชิ้นงานวิดีโอที่ถูกกำหนดไว้ในแพลตฟอร์ม ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ Video Ads แบบ Reels และ Video Ads บนหน้าฟีด


Video Ads แบบ Reels

  • ไฟล์ที่ใช้จะต้องเป็นไฟล์ MP4, MOV 
  • สัดส่วน (Ratio) 9:16
  • ความละเอียดต่ำสุดที่แนะนำ คือ 500*888 pixels
  • Maximum File Size 4 GB


    Video Ads บนหน้าฟีด

    • ไฟล์ที่ใช้จะต้องเป็นไฟล์ MP4, MOV และ GIF
    • สัดส่วน (Ratio) 4:5
    • ความละเอียดต่ำสุดที่แนะนำ คือ 1080*1080 pixels
    • ความยาววิดีโอ ตั้งแต่ 1 วินาที – 241 นาที
    • Maximum File Size 4 GB
    • Minimum Width และ Minimum Height 120 pixels

5 เทคนิคยิง Facebook Video Ads ให้ได้ Engagement ดี 

หากคุณกำลังวางแผนผลิตชิ้นงานวิดีโอ เพื่อยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Facebook นี่คือ 5 คำแนะนำฉบับ Digital Tips ลองทำตามเพื่อเพิ่ม Engagement และบริหารเม็ดเงินงบโฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด!

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ

การสร้างชิ้นงานวิดีโอที่ดี โดยเฉพาะชิ้นงานที่ต้องการยิงโฆษณาแบบ Facebook Video Ads คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ก่อนว่า “คุณอยากให้ใครเป็นผู้ชมวิดีโอเหล่านี้” และหลังจากที่ชมวิดีโอเรียบร้อยแล้ว คุณต้องการให้พวกเขาทำอะไรต่อไป เช่น แชร์วิดีโอต่อ คลิกเข้าไปลงทะเบียนใน Landing Page หรือสั่งซื้อสินค้าใน Inbox เป็นต้น เพื่อกำหนดรายละเอียดเหล่านี้ลงในขั้นตอนของการตั้งค่า Audience ใน Ad Set และสร้างสรรค์วิดีโอให้มีรูปแบบตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง

2. ดึงดูดความสนใจให้ได้ภายใน 3 วินาทีแรก


อย่างที่คุณทราบ ว่าปัจจุบันผู้คนนิยมชมวิดีโอสั้นกันมากขึ้น และทำให้รูปแบบคอนเทนต์อย่าง Facebook Reels, Instagram Reels และคลิป TikTok มี Engagement สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกระแสนิยมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า “ผู้ชมมักเลือกที่จะตัดสินใจคุณค่าของวิดีโอในช่วงเวลาสั้น ๆ” ประมาณ 1-3 วินาทีแรกเท่านั้น มีผู้ชมเพียงเล็กน้อยที่อดทนดูวิดีโอต่อจนเกือบจบคลิป ด้วยเหตุนี้ เราจึงแนะนำให้คุณดึงความสนใจให้ได้ภายใน 3 วินาทีแรก โดยอาจขึ้นต้นคลิปด้วยคำถาม ฉากที่น่าตกใจ หรืออาจตัดต่อเฉพาะเนื้อหาส่วนที่ Highlight ของคลิปนั้น ๆ ขึ้นมาก่อน

3. อย่าลืมใส่ Subtitle

ก่อนหน้านี้สัก 3-4 ปี Subtitle อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการยิง Facebook Video Ads เพราะคนที่ตัดสินใจจะคลิกชมวิดีโอ ย่อมหมายถึงความตั้งใจที่จะชมพร้อม ๆ กันทั้งภาพและเสียงอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบัน พฤติกรรมของผู้บริโภคต่างออกไป พวกเขามักชมคลิปวิดีโอต่าง ๆ ทุกที่ ทุกเวลา แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ เช่น บนรถไฟฟ้า ในห้องสมุด ในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ดังนั้น เราจึงแนะนำให้คุณใส่ Subtitle ลงไปในคลิปด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้คนที่ไถหน้าฟีดมาเจอวิดีโอของคุณ และต้องการรับชมโดยไม่เปิดเสียง

4. สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า น่าติดตาม

ขึ้นชื่อว่าเป็น Facebook Video Ads ซึ่งเป็นเนื้อหาที่มาจากภาคธุรกิจ ผู้บริโภคจำนวนมากก็พร้อมที่จะกดข้าม หรือเลื่อนฟีดเพื่อชมคอนเทนต์อื่นอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า เนื้อหาที่ทำขึ้นเพื่อการโฆษณา มักไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตจริง เป็นเพียงคอนเทนต์วิดีโอที่ทำขึ้นสำหรับส่งเสริมการค้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้น่าติดตาม และไม่เน้นการขายสินค้ามากจนเกินไป เช่น อาจยิงแอดเป็นคอนเทนต์รีวิว บทสัมภาษณ์จากผู้ใช้จริง หรือเป็นคลิปที่มีเนื้อหาสไตล์ภาพยนตร์สั้น ก็จะทำให้คนยอมชมวิดีโอ และเพิ่ม Engagement ได้

5. ลองใช้ Lookalike Audience



หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของการยิงแอด Facebook คือการที่คุณสามารถสร้าง Custom Audience หรือกลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเองขึ้นมาได้ ซึ่ง Facebook Ads จะอาศัยระบบ Tracking เพื่อเก็บข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ อาทิ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือ Insights ของ Facebook เอง คุณจึงสามารถรับรู้ได้ว่า ใครบ้างที่เคยเข้ามาชมคอนเทนต์ หรือเยี่ยมชมช่องทางของคุณ แล้วเก็บข้อมูลพวกเขาเอาไว้เป็นกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ยังมีอีกวิธีที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการเลือกใช้ Lookalike Audience

Lookalike Audience คือการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายเดิม โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ Custom Audience ที่คุณเคยสร้างไว้ วิธีนี้จึงทำให้คุณมีโอกาสพบกับ Audience กลุ่มใหม่ ๆ ที่มีความสนใจใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายเดิม ซึ่งก็หมายความว่า พวกเขามีแนวโน้มสูงมากที่จะกลายเป็นลูกค้าตัวจริงของคุณ

สรุป

และทั้งหมดนี้คือ 5 เทคนิคสำหรับการยิง Facebook Video Ads ให้ได้ผลและทรงประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญทั้งการตั้งค่าโฆษณาและการผลิตชิ้นงานโฆษณา เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายตามที่ต้องการ อย่างไรก็ดี พึงระลึกไว้เสมอว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการยิงแอด ก็คือการบริหารจัดงานงบประมาณ ให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ และไม่กระทบกับผลกำไรโดยรวม

ขอบคุณที่มาจาก : thedigitaltips

วันอังคารที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ถ่ายทำจากช่องอัมรินทร์ มาถ่ายทำภาพการดำเนินธุรกิจ และสัมภาษณ์เกี่ยวกับธุรกิจของบีเอสของเรา ภายใต้โครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เราได้รางวัลDIPROM HERO

โครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เราได้รางวัลDIPROM HERO

    วันนี้มีกองถ่ายทำจากช่องอัมรินทร์ มาถ่ายทำภาพการดำเนินธุรกิจ และสัมภาษณ์เกี่ยวกับธุรกิจของบีเอสของเรา ภายใต้โครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เราได้รางวัลDIPROM HERO

เฮียขอขอบคุณทีมงานเราทุกคนที่ช่วยกันต้อนรับ อำนวยความสะดวก ทั้งการให้ข้อมูล การเป็นนายแบบ นางแบบ ทำให้การถ่ายทำสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ขอบคุณทีมงานบีเอสทุกคน ที่ทำให้เราได้รับรางวัล ทีมงานทุกคนสุดยอดครับ

ภาพบรรยากาศการถ่ายทำ












ถ่ายทำจากช่องอัมรินทร์ มาถ่ายทำภาพการดำเนินธุรกิจ และสัมภาษณ์เกี่ยวกับธุรกิจของบีเอสของเรา ภายใต้โครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เราได้รางวัล DIPROM HERO

ในยุคที่เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเติบโตก้าวกระโดด การมีภาพประกอบและสื่อประกอบที่มีคุณภาพสูงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแสดงผลธุรกิจของบีเอส การได้เข้าถึงเป้าหมายและลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างความสำเร็จในอุตสาหกรรมอันแข็งแกร่งนี้

เราได้รับเกียรติจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในการได้รับรางวัล DIPROM HERO ซึ่งเป็นรางวัลที่ยังมีความเป็นเกียรติอย่างมากในวงการธุรกิจ โดยรางวัลนี้ถือว่าเป็นการยอมรับความสำเร็จที่เราได้สร้างขึ้นในการดำเนินธุรกิจของเราอย่างมืออาชีพและประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมอันแข็งแกร่งนี้

นอกจากนี้ เราได้มีโอกาสที่จะสัมภาษณ์เกี่ยวกับธุรกิจของบีเอสที่ช่องอัมรินทร์ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และความสำเร็จของเรา การสัมภาษณ์ช่องอัมรินทร์ เป็นสื่อที่มีชื่อเสียงและรายการที่ได้รับความนิยมสูง ซึ่งเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการเผยแพร่ภาพการดำเนินธุรกิจของเรา และการแบ่งปันประสบการณ์กับผู้ชมทั่วไป

เราหวังว่าบทความนี้จะสร้างแรงบันดาลใจและมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่กำลังตั้งใจที่จะเริ่มต้นธุรกิจหรือคนที่ต้องการเพิ่มความรู้และความเข้าใจในอุตสาหกรรม บีเอสจะมอบความรู้และประสบการณ์ที่สำคัญให้กับคุณ

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของเราไม่มาจากการรับรางวัลเพียงอย่างเดียว แต่มาจากความพยายาม ความมุ่งมั่น และความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพของทีมงานบีเอส ซึ่งนำมาซึ่งความสำเร็จระดับสูงในอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

ขอขอบคุณกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ให้เกียรติและรับรางวัล DIPROM HERO ที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงผู้ชมทุกคนที่ติดตามเราผ่านช่องอัมรินทร์ งานนี้จะเป็นการจุดประกายและส่งต่อความมุ่งมั่นของเราในการดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพในอุตสาหกรรมอันแข็งแกร่งนี้

เพื่อนๆ ที่รัก อย่าลืมติดตามเราต่อไปเพื่อดูความสำเร็จที่กำลังจะมาถึงกันเองในอนาคตอันใกล้นี้ ขอบคุณที่ติดตามเราและสนับสนุนเราตลอดเวลา เราพร้อมที่จะสร้างความสำเร็จและมอบความมั่นใจให้กับทุกคน!
#เป็นอาชีพ #ธุรกิจ #บีเอส #DIPROMHERO #มืออาชีพ

ติดตามเราได้ที่ :
            เว็บไซต์ https://bsgroupthailand.com/
            Facebook https://www.facebook.com/bsexpressthailand


วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2566

คู่มือการให้บริการหน้าคลัง (การต้อนรับ, การให้ข้อมูล)

 







การต้อนรับลูกค้า

-ทักทายลูกค้าก่อน (สวัสดี ครับ/ค่ะ)

-ถามถึงตัวพัสดุของลูกค้า ถามจำนวน ถามสถานที่ที่ลูกค้าจะทำการจัดส่ง

-ช่วยลูกค้ายกของถือของให้

-ตีราคาพัสดุให้ลูกค้า

-สอบถามลูกค้าว่าสะดวกชำระเงินต้นทางหรือปลายทาง ถ้าชำระเงินต้นทางให้สอบถามเพิ่มเติมไปว่าสะดวกจะชำระเป็นเงินสดหรือเงินโอน

-เชิญให้ลูกค้านั่งรอรับใบเสร็จสักครู่




การให้ข้อมูลลูกค้า

-สอบถามลูกค้าว่าเคยมาใช้บริการของ BS หรือไม่ ถ้าลูกค้ามาใช้บริการเป็นครั้งแรกให้ขออนุญาตรบกวนเวลาลูกค้าสักครู่ในการนำเสนอการให้บริการของทาง BS





ตัวอย่างบริการของทาง BS ที่ต้องให้ข้อมูลลูกค้า

-การขนส่ง 11 จังหวัด ภาคกลาง NEXT DAY

-การขนส่ง 66 จังหวัด เข้าทุกพื้นที่ 2-3 วัน



ตัวอย่างบริการของทาง BS ที่ต้องให้ข้อมูลลูกค้า

-จัดส่งวันเว้นวัน อังคาร, พฤหัสบดี, เสาร์

-แจ้งราคาค่าขนส่งในพื้นที่ห่างไกล คิดค่าบริการบวกเพิ่ม 50 บาท/บิล





ตัวอย่างบริการของทาง BS ที่ต้องให้ข้อมูลลูกค้า

-ถามลูกค้า ถ้าลูกค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ให้เอาโบรชัวร์ให้กับลูกค้าไปศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับพื้นที่ให้บริการของทาง bS Express หรือไม่ก็แนะนำให้ลูกค้าเข้าไปที่เว็บไซต์บริษัท bsgroup




เว็บไซต์บริษัท : bsgroupthailand.com



วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566

Boost post อย่างไรให้สำเร็จ

Boost post อย่างไรให้สำเร็จ



Boost Post คือ การซื้อโฆษณาบน Facebook ซึ่งวิธีการโฆษณาบน Facebook มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบูสต์โพสต์ตามปกติ การเพิ่มยอดวิววิดีโอ เพิ่มยอดคอมเมนต์ ยอดแชร์ รวมไปถึงการเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการ พัฒนา ปรับปรุงเพื่อให้โพสต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น จะได้ไม่เป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ เหมือนการ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” จากเดิมที่ facebook ads กระจายโพสต์ไปยังแฟนเพจและเพื่อนของ แฟนเพจ เท่านั้น เป็นการกระจายแบบล็อกกลุ่มเป้าหมาย เหตุที่เจ้าของแฟนเพจจำเป็นต้องอาศัย Boost Post



วิธีการ Boost Post



ขั้นแรก ถ้าหากยังไม่มีเพจ ให้สร้างเพจก่อน หลังจากนั้นให้เข้าไปที่หน้าเพจของเรา เริ่มเขียนโพสต์ข้อความที่เราต้องการจะโฆษณาก่อนและกดโพสต์ให้เรียบร้อย เคล็ดลับในการเขียนโพสต์คือควรเขียนข้อความให้สั้น กระชับ บอกรายละเอียดของสินค้าและบริการให้ครบถ้วน โดยคำนึงเสนอว่าควรทำให้ผู้เห็นโฆษณาเข้าใจและเกิดความสนใจได้ในทันที



คลิกปุ่ม Boost Post ที่เราต้องการโฆษณา

ขั้นต่อมา ให้คลิกที่ปุ่ม Call To Action จะช่วยกระตุ้นให้คนที่เห็นโฆษณามีส่วนร่วมมากขึ้น ใน Facebook โดยให้เราเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับตามความต้องการ เมื่อเราเลือก Create New Audience เรียบร้อยแล้ว จะมีหน้าต่างการสร้างกลุ่มเป้าหมายขึ้นมาให้เราระบุ กลุ่มเป้าหมาย อาทิ เพศของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสามารถเลือกเฉพาะบางเพศเพื่อที่เหมาะกับสินค้าและบริการของเรา หรือจะเลือกหลายๆ เพศในการ Boost Post ก็ได้, อายุที่เราต้องการตั้งแต่ 18-65 ปีขึ้นไป, ตำแหน่งของกลุ่มเป้าหมาย ข้อดีของการระบุพิกัดจะช่วยให้เพื่อสร้างโฆษณาให้เห็นเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ได้เข้าถึงสินค้ามากขึ้นนั้นเอง เป็นต้น



ขั้นต่อมา ให้เราใส่จำนวนเงินและระยะเวลาโฆษณาตามความเหมาะสมสามารถใส่จำนวนเงินและระยะเวลาได้ตามความต้องการ และเมื่อใส่จำนวนเงินลงไป ระบบของ Facebook จะคาดการณ์ Reach (จำนวนคนที่เห็นโฆษณาของเรา) ว่ามีจำนวนเท่าไร ซึ่งถ้าคอนเทนต์ของเราตอบโจทย์ และได้รับความนิยม อาจทำให้ Reach มากกว่าที่คาดการณ์ได้เหมือนกัน แต่ก็มีข้อกำหนดเหมือนกันนะ จำนวนเงินขั้นต่ำที่จะโฆษณาได้คือ 30 บาทต่อวัน

ขั้นตอนสุดท้ายให้เราชำระเงินในระบบที่ Facebook จากนั้นก็นั่งดู ยอดคนที่เข้าถึงโพสต์ กดไลค์ กดแชร์และเตรียมรับออเดอร์จากลูกค้าที่สนใจได้เลย

ขอบคุณที่มาจาก : digitalmarketingwow

Google Ads Extensions

 

Google Ads Extensions คืออะไร 


คือ ส่วนขยายหรือข้อมูลเพิ่มเติม ที่มาจากตัวโฆษณาที่เราสร้างขึ้นครับ โดยประโยชน์ของส่วนขยายใน Google Ads จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานที่จะเข้ามาคลิ๊กชมบนโฆษณาของเราให้สูงขึ้น (CTR) นอกจากนี้ยังทำให้พื้นที่โฆษณาของเราเพิ่มขึ้น และโดนเด่นกว่าโฆษนาอื่น ๆ ที่ไม่มีการใส่ส่วนขยายครับ ซึ่งถ้าหาก CTR เพิ่มมากขึ้น คะแนนของคุณภาพโฆษณาก็จะสูงขึ้นไปด้วย ส่งผลให้ค่าโฆษณา CPC ลดราคาลงครับ


ประเภทของ Google Ads Extension แบ่งได้ 2 หมวดหมู่ใหญ่ ๆ คือ 


  • ส่วนขยายพื้นฐาน
  • ส่วนขยายแบบอื่น ๆ 

แบบที่ 1 แบ่งตามส่วนขยายพื้นฐาน 

1. Sitelinks Extensions คือ การใส่ URL เพื่อ Link ไปยัง Landing Page หรือหน้าเว็บไซต์ ที่ต้องการเพิ่มลงไปจากหน้าหลักที่มีอยู่แล้ว เช่น อาจจะเป็นหน้าสำหรับลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่น หรือจองสิทธิ์ต่างๆ เป็นต้นครับ 


2. Call Extensions คือ การเพิ่มเบอร์โทรศัพท์เพื่อให้ผู้ใช้ที่สนใจจะติดต่อหาบริษัทโดยตรง ซึ่งหากดูโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ ก็จะสามารถกดโทรออกได้ทันที เหมาะมากเลยครับกับธุรกิจทีต้องมีการจอง เช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ฯลฯ นอกจากนี้คือ หากธุรกิจมีหลายสาขา ก็สามารถกำหนดเบอร์ให้แต่ละสาขาได้


3. Location Extensions คือ ส่วนขยายที่ใช้สำหรับบอกตำแหน่งของสถานที่ เหมาะกับธุรกิจที่มีหน้าร้าน เช่น บริษัทที่มีสำนักงาน หรือร้านอาหาร ร้านขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพราะเมื่อคลิกเข้าไปแล้ว ระบบจะทำงานร่วมกับ Google Map ทันที ซึ่งแปลว่าหากลูกค้าต้องการจะเดินทางไปยังร้านหรือบริษัท ก็สามารถกำหนดเส้นทางได้ในทันทีโดยไม่ต้องมานั่งเปิดแผนที่ให้วุ่นวาย แต่การใช้ส่วนขยายประเภทนี้จะต้องทำการปักหมุดตำแหน่งบน Google My Business ก่อน ถึงจะมีสิทธิในการโฆษณาตำแหน่งที่ตั้งนั้นได้ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านที่ทำโฆษณาด้วย


แบบที่ 2  แบ่งตามส่วนขยายอื่น ๆ 

1.Callout Text คือ การเพิ่มส่วนขยายเพื่อเน้นคำโฆษณาที่ต้องการเพิ่มเข้าไป โดยจะมีจุด . เป็นตัวขั้นระหว่างแต่ละคำที่ใส่ลงไปด้วย เหมาะกับธุรกิจที่เป็นร้านค้าขายสินค้า หรือบริษัทส่งออก โดยคำที่ใช้เน้น เช่น ส่งฟรี ช้อปได้ 24 ชั่วโมง ช้อปก่อนคุ้มกว่า เป็นต้นครับ


2. Structured Snippets Extensions คือ การจจัดหมวดหมู่ แบ่งประเภทของสินค้า บริการ เพื่อเป็นการบอกให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานที่เห็นโฆษณา รู้จักธุรกิจ และรู้ว่าธุรกิจมีบริการ มีสินค้าอะไรบ้าง เหมาะกับธุรกิจที่มีการทำแคมเปญ Search Network with Display Select และ Search Network only ครับ



3. Message Extensions คือ การเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสามารถส่งข้อความหาเราได้ทันที แต่ส่วนขยายนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ในประเทศไทยนะครับ

4. Affiliate Location Extensions คือ ส่วนขยายที่บอกตำแหน่งที่ตั้งเช่นกับ Location Extensions แต่ส่วนขยายนี้จะเหมาะสำหรับร้านค้าที่มีหลายสาขา เพราะระบบจะแสดงสาขาที่ใกล้ตัวผู้ค้นหามากที่สุดแทน

5. Price Extensions คือ ส่วนขยายที่ใช้สำหรับการบอกราคาสินค้า บริการ เหมาะสำหรับธุกิจ E-Commerce นอกจากนี้ยังสามารถใช้ส่วนขยายนี้ เมื่อมีการทำโปรโมชั่นสินค้า

6. App Extensions คือ ส่วนขยายที่สามารถเพิ่มเข้าไปเพื่อแนะนำให้ผู้ใช้งาน เข้าไปโหลดแอปพลิเคชันและติดตั้งได้ เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่มีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง

7. Review Extensions คือ การนำรีวิวจากผู้ใช้งานจริงมาแสดงผลบนส่วนขยาย Google Ads ตัวนี้  แต่ส่วนขยายนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ในประเทศไทยนะครับ


หากเราสามารถเลือก ส่วนขยาย ที่เข้ากับธุรกิจของเราได้ก็จะช่วยในเรื่องของการเพิ่มอัตราการคลิกให้สูงขึ้น (CTR, Click-through rate) เพราะจะทำให้เราสามารถเพิ่มโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการเข้าไปได้อีก การทำแบบนี้จะทำให้โฆษณาโดดเด่น และขยายความคำโฆษณาให้เจาะลึกมากขึ้น 










  5 ส. หรือ 5S คือเครื่องมือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบไปด้วย สะสาง-สะดวก-สะอาด-สุขลักษณะ-สร้างนิสัย มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ เพื่อลดต้...