แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การตลาดออนไลน์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การตลาดออนไลน์ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เชื่อมบัญชีTT shop กับTT ads






































เจาะกลุ่มโมเดลธุรกิจของ Alibaba

 เจาะกลุ่มโมเดลธุรกิจของอาลีบาบา

1.เถาเป่า ทำธุรกิจแพลตฟอร์มค้าปลีกแบบ C2C (Customer to Customer)โดยให้คนที่ต้องการขายสินค้ามาเปิดร้านค้าออนไลน์บนแพลต ฟอร์มได้ฟรี และจะเก็บค่าใช่จ่ายเมื่อผู้ขายต้องการทำการตลาดหรือโฆษณาสินค้า ปัจจุบันเถาเป่ามีคนขายสินค้าในระบบประมาณ 400 ล้านราย

2.Tmall ทำธุรกิจแพลตฟอร์มค้าปลีกแบบ B2C (Business to Customer) โดยให้ร้านคำแบรนด์ดังเข้ามาขายของในแพลตฟอร์ม จะเก็บค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซนต์ของยอดขายและเก็บค่าบริการรายปี

3.Aliexpress ทำธุรกิจแพลตฟอร์มค้าปลีกระหว่างประเทศ โดยส่งสินค้าจากผู้ขายในจีนไปจำหน่ายให้ผู้ซื้อประเทศต่างๆ โดย Aliexpress จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นเป็นร้อยละของมูลค่าการทำธุรกรรมในช่วง 5% - 8% และเก็บค่าธรรมเนียมคงที่อีกจำนวนหนึ่งอีกด้วย


4.1688.com เป็นแพลตฟอร์มค้าส่งในประเทศจีน ก่อตั้งในปี 2010 มี ซัพพลายเออร์มากกว่า 500,000 ซัพพลายเออร์ในระบบ มีสินค้ากว่า 150 ล้านชนิด รายได้ของ 1688.com จะมาจากค่าบริการสมาชิกและค่าใช้จ่ายเรียกเก็บจากบริการเสริม เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล และ บริการด้านการตลาดออนไลน์

5.Alimama เป็นแพลตฟอร์มการตลาดที่ขนาดใหญ่ที่สุดในจีนโดย Alimama ช่วยทำโฆษณาสินค้าออนไลน์ ให้กับลูกค้า มีรายได้จากการ เก็บค่าโฆษณาเหมือนกับบริษัทโฆษณาทั่วไป

6.Alibaba Cloud คือ ธุรกิจคลาวค์คอมพิวเตอร์ของอาลิบาบา ให้บริการ Data Center, การวิเคราะห์ข้อมูล 

Big Data โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent, AI) และระบบความปลอดภัยของข้อมูล 

โดย Alibaba Cloud มี Data Center ด้วยกัน 14 แห่งทั่วโลก และมี Data Center ในจีนมากถึง 6 แห่ง พร้อมทั้งยังมีลูกค้าใช้บริการทั่วโลกมากถึง 2.3 ล้านราย จน IDC จัดให้ Alibaba Cloud เป็นผู้ให้บริการ 

Cloud Infrastructure Service อันดับ 5 ของโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


7.Ant Financial เป็น Fintech ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ให้บริการชำระเงินออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม Alipay นอกจากนั้น Ant Financial ยังทำธุรกิจการเงินอื่น เช่น แพลตฟอร์มการลงทุน Yu' E Bao ,
ธนาคารออนไลน์ MYbanker , ประกันภัยออนไลน์ ZhongAn insurance, บริษัทประเมินเครดิต 

Sesame Credit และแพลตฟอร์มให้กู้แบบบุคคลต่อบุคคล (Peer to Peer Lending) ZhaoCai Bao



8.Cainiao Network ไช่เหนี่ยวหว่างลั่วเป็นแพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์ของอาลิบาบา โดยไม่ได้มีรถขนส่งของตัวเองแต่เน้นการเป็น ตัวกลางในการเชื่อมโยงบริษัทขนส่งต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อรองรับการจัดส่งสินค้าออนไลน์ โดยมีการใช้ AI มาวิเคราะห์การจัดการ Logistic ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น 

วิเคราะห์เส้นทาง และบริหารการจัดส่งสินค้า เป็นต้น



เว็บบริษัท : https://bsgroupthailand.com/service.php


6 กลยุทธ์ที่ในการลดต้นทุน​ และเพิ่มผลกำไร​


1.กลยุทธ์การจัดการยานพาหนะให้เหมาะสม

    ผู้ประกอบการต้องสังเกตุว่าพาหนะที่ใช้ในการขนส่งเป็นอย่างไร ถ้าเราขนส่งสินค้าขนาดเล็กในเขตพื้นที่ที่ไม่ไกลจากจุดต้นทางมากนัก ในรัศมีประมาณ 1 กิโลเมตร หากเป็นไปได้การหยิบจักรยานมาใช้ก็จะทำให้ลดค่าน้ำมันไปได้ แต่ถ้าหากเกินกว่านั้นอาจจะต้องใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์ก็สามารถทำได้ ซึ่งในอนาคตเราอาจใช้โดรนในการขนส่งสินค้าแทนแบบ amazon และ 7-Eleven ก็เคยทำมาแล้วทำให้ประหยัดขึ้นไปอีก ดังนั้นผู้ประกอบต้องคำนึงเรื่องยานพาหนะเป็นหลัก เพื่อลดต้นทุนในการขนส่งให้ดีมากยิ่งขึ้น


2.กลยุทธ์การบริหารจัดการเชื้อเพลิง

วิธีนี้เราต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เชื้อเพลิงใหม่ โดยปรับเปลี่ยนพลังงานที่ใช้ในการขนส่งจากน้ำมันดีเซล หรือเบนซิน เป็นไบโอดีเซล หรือ ก๊าซ CNG ซึ่งการใช้ก๊าซ CNG นั้นจะประหยัดกว่าการใช้น้ำมันถึง 60-70% แต่การเปลี่ยนแบบนี้อาจจะต้องเสียค่าดูแลรักษารถมากขึ้น ในอนาคตอีกไม่นานเราอาจได้ใช้รถขนส่งแบบชาร์ตไฟฟ้า เหล่าผู้ประกอบการเตรียมศึกษาไว้ได้เลย เปลี่ยนก่อนประหยัดกว่า

3. กลยุทธ์การขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport)

กลยุทธ์นี้เป็นวิธีการขนส่งสินค้าด้วยวิธีการผสมผสานการขนส่งหลายรูปแบบจากสถานที่หนึ่งหรือจากผู้ส่งสินค้าต้นทางไปสู่สถานที่หนึ่ง หรือต่อเนื่องไปจนถึงสถานที่ หรือผู้รับสินค้าปลายทางภายใต้สัญญาหรือผู้รับผิดชอบการขนส่งรายเดียว เป็นการผสมผสานการขนส่งสินค้า เช่น ทางถนน ทางรถไฟ ทางน้ำ ฯลฯ โดยแนวคิด และเป้าหมายในการใช้การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ มุ่งเน้นไปที่การทดแทนการขนส่งทางถนนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าโดยคำนึงถึงต้นทุนการขนส่งของรูปแบบต่างๆ ให้ประหยัดที่สุด


4.กลยุทธ์ลดการขนส่งเที่ยวเปล่า (Backhauling Management)

การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วยการลดการวิ่งเที่ยวเปล่าเป็นการจัดการการขนส่งที่มีเป้าหมายให้เกิดการใช้ประโยชน์จากยานพาหนะ เพราะการขนส่งโดยทั่วไปเมื่อส่งสินค้าถึงที่หมายแล้ว จะตีรถวิ่งเที่ยวเปล่ากลับมา ซึ่งทำให้ต้นทุนของการประกอบการเพิ่มสูงขึ้นโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งต้นทุนที่เกิดขึ้นมานี้นับเป็นต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า  และผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนเหล่านี้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ต้นทุนการประกอบการสูงขึ้น

5.กลยุทธ์ศูนย์กระจายสินค้า

คลังสินค้าที่ทำหน้าที่ทั้งในฐานะเป็นคลังสินค้า (Warehouse) และเป็นหน่วยเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต (Manufacturer) กับผู้ขายปลีก (Retailers) จะเป็นผู้ให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ (Logistics Provider) ในด้านการจัดเก็บสินค้าและการจัดการขนส่งสินค้าสำเร็จรูปให้กับลูกค้าได้ อย่างทันเวลาและถูกต้องตรงตามความต้องการ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นนี้ คือ การลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งของผู้ผลิตไปสู่ผู้ขายปลีกหรือลูกค้าแต่ละราย ผู้ผลิตสามารถขนส่งมาที่ศูนย์กระจายสินค้าเพียงแห่งเดียว


6.กลยุทธ์ใช้แอปพลิเคชันรถขนส่งเหมาคัน (FULL TRUCK LOAD)

การขนส่งหากผู้ขับขี่มีความชำนาญในพื้นที่ก็จะทำให้การส่งของรวดเร็ว ถึงมือผู้รับอย่างมั่นใจ และประหยัดน้ำมัน กลยุทธ์คือใช้แอปพลิเคชันจองรถขนส่งเหมาคัน ที่ทั้งง่ายและปลอดภัย ทำให้ธุรกิจคุณหมดกังวล อาจจะต้องมีระบบติดตามสถานะงานขนส่งได้แบบเรียลไทม์ที่มีความละเอียดและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถเลือกรูปแบบการขนส่ง เลือกประเภทรถ และสามารถกำหนดวันเวลาใช้งานได้ด้วยตนเอง โดยรูปแบบการชำระเงินก็มีทั้งแบบเชำระปลายทาง บัตรเครดิต และเป็นเอกสารใบแจ้งหนี้ สามารถจัดการระบบการขนส่ง เพื่อลดงานให้กับผู้ขับและผู้ใช้บริการ ช่วยลดต้นทุนในการขนส่งให้กับผู้ประกอบการ



ข้อมูลจาก : https://mgronline.com/smes/detail/9620000059851http://www.thailandindustry.com/onlinemag/view2.php?id=1034&section=5&issues=77https://www.mmthailand.com/https://blog.giztix.com/

วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เทคนิค ยิง Facebook Video Ads ยังไงให้รุ่ง


เทคนิค ยิง Facebook Video Ads ยังไงให้รุ่ง



สำหรับเจ้าของธุรกิจที่มี Facebook Fanpage เป็นของตัวเอง ร้อยทั้งร้อยก็ต้องอยากทดลองยิงแอด Facebook แบบวิดีโอดูสักครั้ง เนื่องจากในปัจจุบันพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป พวกเขามักไถฟีดเพื่อเน้นชมคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น หากคุณคือหนึ่งในเจ้าของธุรกิจที่อยากศึกษาเรื่องการยิง Facebook Video Ads บทความนี้มีคำตอบดี ๆ ให้กับคุณ!

คุณสมบัติของชิ้นงานโฆษณาแบบวิดีโอ

ก่อนที่เราจะเข้าสู่เรื่อง “เทคนิคการยิง Facebook Video Ads” สิ่งที่คุณควรทราบ คือคุณสมบัติของชิ้นงานวิดีโอที่ถูกกำหนดไว้ในแพลตฟอร์ม ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ Video Ads แบบ Reels และ Video Ads บนหน้าฟีด


Video Ads แบบ Reels

  • ไฟล์ที่ใช้จะต้องเป็นไฟล์ MP4, MOV 
  • สัดส่วน (Ratio) 9:16
  • ความละเอียดต่ำสุดที่แนะนำ คือ 500*888 pixels
  • Maximum File Size 4 GB


    Video Ads บนหน้าฟีด

    • ไฟล์ที่ใช้จะต้องเป็นไฟล์ MP4, MOV และ GIF
    • สัดส่วน (Ratio) 4:5
    • ความละเอียดต่ำสุดที่แนะนำ คือ 1080*1080 pixels
    • ความยาววิดีโอ ตั้งแต่ 1 วินาที – 241 นาที
    • Maximum File Size 4 GB
    • Minimum Width และ Minimum Height 120 pixels

5 เทคนิคยิง Facebook Video Ads ให้ได้ Engagement ดี 

หากคุณกำลังวางแผนผลิตชิ้นงานวิดีโอ เพื่อยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Facebook นี่คือ 5 คำแนะนำฉบับ Digital Tips ลองทำตามเพื่อเพิ่ม Engagement และบริหารเม็ดเงินงบโฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด!

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ

การสร้างชิ้นงานวิดีโอที่ดี โดยเฉพาะชิ้นงานที่ต้องการยิงโฆษณาแบบ Facebook Video Ads คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ก่อนว่า “คุณอยากให้ใครเป็นผู้ชมวิดีโอเหล่านี้” และหลังจากที่ชมวิดีโอเรียบร้อยแล้ว คุณต้องการให้พวกเขาทำอะไรต่อไป เช่น แชร์วิดีโอต่อ คลิกเข้าไปลงทะเบียนใน Landing Page หรือสั่งซื้อสินค้าใน Inbox เป็นต้น เพื่อกำหนดรายละเอียดเหล่านี้ลงในขั้นตอนของการตั้งค่า Audience ใน Ad Set และสร้างสรรค์วิดีโอให้มีรูปแบบตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง

2. ดึงดูดความสนใจให้ได้ภายใน 3 วินาทีแรก


อย่างที่คุณทราบ ว่าปัจจุบันผู้คนนิยมชมวิดีโอสั้นกันมากขึ้น และทำให้รูปแบบคอนเทนต์อย่าง Facebook Reels, Instagram Reels และคลิป TikTok มี Engagement สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกระแสนิยมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า “ผู้ชมมักเลือกที่จะตัดสินใจคุณค่าของวิดีโอในช่วงเวลาสั้น ๆ” ประมาณ 1-3 วินาทีแรกเท่านั้น มีผู้ชมเพียงเล็กน้อยที่อดทนดูวิดีโอต่อจนเกือบจบคลิป ด้วยเหตุนี้ เราจึงแนะนำให้คุณดึงความสนใจให้ได้ภายใน 3 วินาทีแรก โดยอาจขึ้นต้นคลิปด้วยคำถาม ฉากที่น่าตกใจ หรืออาจตัดต่อเฉพาะเนื้อหาส่วนที่ Highlight ของคลิปนั้น ๆ ขึ้นมาก่อน

3. อย่าลืมใส่ Subtitle

ก่อนหน้านี้สัก 3-4 ปี Subtitle อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการยิง Facebook Video Ads เพราะคนที่ตัดสินใจจะคลิกชมวิดีโอ ย่อมหมายถึงความตั้งใจที่จะชมพร้อม ๆ กันทั้งภาพและเสียงอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบัน พฤติกรรมของผู้บริโภคต่างออกไป พวกเขามักชมคลิปวิดีโอต่าง ๆ ทุกที่ ทุกเวลา แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ เช่น บนรถไฟฟ้า ในห้องสมุด ในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ดังนั้น เราจึงแนะนำให้คุณใส่ Subtitle ลงไปในคลิปด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้คนที่ไถหน้าฟีดมาเจอวิดีโอของคุณ และต้องการรับชมโดยไม่เปิดเสียง

4. สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า น่าติดตาม

ขึ้นชื่อว่าเป็น Facebook Video Ads ซึ่งเป็นเนื้อหาที่มาจากภาคธุรกิจ ผู้บริโภคจำนวนมากก็พร้อมที่จะกดข้าม หรือเลื่อนฟีดเพื่อชมคอนเทนต์อื่นอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า เนื้อหาที่ทำขึ้นเพื่อการโฆษณา มักไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตจริง เป็นเพียงคอนเทนต์วิดีโอที่ทำขึ้นสำหรับส่งเสริมการค้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้น่าติดตาม และไม่เน้นการขายสินค้ามากจนเกินไป เช่น อาจยิงแอดเป็นคอนเทนต์รีวิว บทสัมภาษณ์จากผู้ใช้จริง หรือเป็นคลิปที่มีเนื้อหาสไตล์ภาพยนตร์สั้น ก็จะทำให้คนยอมชมวิดีโอ และเพิ่ม Engagement ได้

5. ลองใช้ Lookalike Audience



หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของการยิงแอด Facebook คือการที่คุณสามารถสร้าง Custom Audience หรือกลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเองขึ้นมาได้ ซึ่ง Facebook Ads จะอาศัยระบบ Tracking เพื่อเก็บข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ อาทิ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือ Insights ของ Facebook เอง คุณจึงสามารถรับรู้ได้ว่า ใครบ้างที่เคยเข้ามาชมคอนเทนต์ หรือเยี่ยมชมช่องทางของคุณ แล้วเก็บข้อมูลพวกเขาเอาไว้เป็นกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ยังมีอีกวิธีที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการเลือกใช้ Lookalike Audience

Lookalike Audience คือการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายเดิม โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ Custom Audience ที่คุณเคยสร้างไว้ วิธีนี้จึงทำให้คุณมีโอกาสพบกับ Audience กลุ่มใหม่ ๆ ที่มีความสนใจใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายเดิม ซึ่งก็หมายความว่า พวกเขามีแนวโน้มสูงมากที่จะกลายเป็นลูกค้าตัวจริงของคุณ

สรุป

และทั้งหมดนี้คือ 5 เทคนิคสำหรับการยิง Facebook Video Ads ให้ได้ผลและทรงประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญทั้งการตั้งค่าโฆษณาและการผลิตชิ้นงานโฆษณา เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายตามที่ต้องการ อย่างไรก็ดี พึงระลึกไว้เสมอว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการยิงแอด ก็คือการบริหารจัดงานงบประมาณ ให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ และไม่กระทบกับผลกำไรโดยรวม

ขอบคุณที่มาจาก : thedigitaltips

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566

Boost post อย่างไรให้สำเร็จ

Boost post อย่างไรให้สำเร็จ



Boost Post คือ การซื้อโฆษณาบน Facebook ซึ่งวิธีการโฆษณาบน Facebook มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบูสต์โพสต์ตามปกติ การเพิ่มยอดวิววิดีโอ เพิ่มยอดคอมเมนต์ ยอดแชร์ รวมไปถึงการเพิ่มยอดขายสินค้าและบริการ พัฒนา ปรับปรุงเพื่อให้โพสต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น จะได้ไม่เป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ เหมือนการ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” จากเดิมที่ facebook ads กระจายโพสต์ไปยังแฟนเพจและเพื่อนของ แฟนเพจ เท่านั้น เป็นการกระจายแบบล็อกกลุ่มเป้าหมาย เหตุที่เจ้าของแฟนเพจจำเป็นต้องอาศัย Boost Post



วิธีการ Boost Post



ขั้นแรก ถ้าหากยังไม่มีเพจ ให้สร้างเพจก่อน หลังจากนั้นให้เข้าไปที่หน้าเพจของเรา เริ่มเขียนโพสต์ข้อความที่เราต้องการจะโฆษณาก่อนและกดโพสต์ให้เรียบร้อย เคล็ดลับในการเขียนโพสต์คือควรเขียนข้อความให้สั้น กระชับ บอกรายละเอียดของสินค้าและบริการให้ครบถ้วน โดยคำนึงเสนอว่าควรทำให้ผู้เห็นโฆษณาเข้าใจและเกิดความสนใจได้ในทันที



คลิกปุ่ม Boost Post ที่เราต้องการโฆษณา

ขั้นต่อมา ให้คลิกที่ปุ่ม Call To Action จะช่วยกระตุ้นให้คนที่เห็นโฆษณามีส่วนร่วมมากขึ้น ใน Facebook โดยให้เราเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับตามความต้องการ เมื่อเราเลือก Create New Audience เรียบร้อยแล้ว จะมีหน้าต่างการสร้างกลุ่มเป้าหมายขึ้นมาให้เราระบุ กลุ่มเป้าหมาย อาทิ เพศของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสามารถเลือกเฉพาะบางเพศเพื่อที่เหมาะกับสินค้าและบริการของเรา หรือจะเลือกหลายๆ เพศในการ Boost Post ก็ได้, อายุที่เราต้องการตั้งแต่ 18-65 ปีขึ้นไป, ตำแหน่งของกลุ่มเป้าหมาย ข้อดีของการระบุพิกัดจะช่วยให้เพื่อสร้างโฆษณาให้เห็นเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ได้เข้าถึงสินค้ามากขึ้นนั้นเอง เป็นต้น



ขั้นต่อมา ให้เราใส่จำนวนเงินและระยะเวลาโฆษณาตามความเหมาะสมสามารถใส่จำนวนเงินและระยะเวลาได้ตามความต้องการ และเมื่อใส่จำนวนเงินลงไป ระบบของ Facebook จะคาดการณ์ Reach (จำนวนคนที่เห็นโฆษณาของเรา) ว่ามีจำนวนเท่าไร ซึ่งถ้าคอนเทนต์ของเราตอบโจทย์ และได้รับความนิยม อาจทำให้ Reach มากกว่าที่คาดการณ์ได้เหมือนกัน แต่ก็มีข้อกำหนดเหมือนกันนะ จำนวนเงินขั้นต่ำที่จะโฆษณาได้คือ 30 บาทต่อวัน

ขั้นตอนสุดท้ายให้เราชำระเงินในระบบที่ Facebook จากนั้นก็นั่งดู ยอดคนที่เข้าถึงโพสต์ กดไลค์ กดแชร์และเตรียมรับออเดอร์จากลูกค้าที่สนใจได้เลย

ขอบคุณที่มาจาก : digitalmarketingwow

Google Ads Extensions

 

Google Ads Extensions คืออะไร 


คือ ส่วนขยายหรือข้อมูลเพิ่มเติม ที่มาจากตัวโฆษณาที่เราสร้างขึ้นครับ โดยประโยชน์ของส่วนขยายใน Google Ads จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานที่จะเข้ามาคลิ๊กชมบนโฆษณาของเราให้สูงขึ้น (CTR) นอกจากนี้ยังทำให้พื้นที่โฆษณาของเราเพิ่มขึ้น และโดนเด่นกว่าโฆษนาอื่น ๆ ที่ไม่มีการใส่ส่วนขยายครับ ซึ่งถ้าหาก CTR เพิ่มมากขึ้น คะแนนของคุณภาพโฆษณาก็จะสูงขึ้นไปด้วย ส่งผลให้ค่าโฆษณา CPC ลดราคาลงครับ


ประเภทของ Google Ads Extension แบ่งได้ 2 หมวดหมู่ใหญ่ ๆ คือ 


  • ส่วนขยายพื้นฐาน
  • ส่วนขยายแบบอื่น ๆ 

แบบที่ 1 แบ่งตามส่วนขยายพื้นฐาน 

1. Sitelinks Extensions คือ การใส่ URL เพื่อ Link ไปยัง Landing Page หรือหน้าเว็บไซต์ ที่ต้องการเพิ่มลงไปจากหน้าหลักที่มีอยู่แล้ว เช่น อาจจะเป็นหน้าสำหรับลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่น หรือจองสิทธิ์ต่างๆ เป็นต้นครับ 


2. Call Extensions คือ การเพิ่มเบอร์โทรศัพท์เพื่อให้ผู้ใช้ที่สนใจจะติดต่อหาบริษัทโดยตรง ซึ่งหากดูโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ ก็จะสามารถกดโทรออกได้ทันที เหมาะมากเลยครับกับธุรกิจทีต้องมีการจอง เช่น โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ฯลฯ นอกจากนี้คือ หากธุรกิจมีหลายสาขา ก็สามารถกำหนดเบอร์ให้แต่ละสาขาได้


3. Location Extensions คือ ส่วนขยายที่ใช้สำหรับบอกตำแหน่งของสถานที่ เหมาะกับธุรกิจที่มีหน้าร้าน เช่น บริษัทที่มีสำนักงาน หรือร้านอาหาร ร้านขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพราะเมื่อคลิกเข้าไปแล้ว ระบบจะทำงานร่วมกับ Google Map ทันที ซึ่งแปลว่าหากลูกค้าต้องการจะเดินทางไปยังร้านหรือบริษัท ก็สามารถกำหนดเส้นทางได้ในทันทีโดยไม่ต้องมานั่งเปิดแผนที่ให้วุ่นวาย แต่การใช้ส่วนขยายประเภทนี้จะต้องทำการปักหมุดตำแหน่งบน Google My Business ก่อน ถึงจะมีสิทธิในการโฆษณาตำแหน่งที่ตั้งนั้นได้ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านที่ทำโฆษณาด้วย


แบบที่ 2  แบ่งตามส่วนขยายอื่น ๆ 

1.Callout Text คือ การเพิ่มส่วนขยายเพื่อเน้นคำโฆษณาที่ต้องการเพิ่มเข้าไป โดยจะมีจุด . เป็นตัวขั้นระหว่างแต่ละคำที่ใส่ลงไปด้วย เหมาะกับธุรกิจที่เป็นร้านค้าขายสินค้า หรือบริษัทส่งออก โดยคำที่ใช้เน้น เช่น ส่งฟรี ช้อปได้ 24 ชั่วโมง ช้อปก่อนคุ้มกว่า เป็นต้นครับ


2. Structured Snippets Extensions คือ การจจัดหมวดหมู่ แบ่งประเภทของสินค้า บริการ เพื่อเป็นการบอกให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานที่เห็นโฆษณา รู้จักธุรกิจ และรู้ว่าธุรกิจมีบริการ มีสินค้าอะไรบ้าง เหมาะกับธุรกิจที่มีการทำแคมเปญ Search Network with Display Select และ Search Network only ครับ



3. Message Extensions คือ การเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสามารถส่งข้อความหาเราได้ทันที แต่ส่วนขยายนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ในประเทศไทยนะครับ

4. Affiliate Location Extensions คือ ส่วนขยายที่บอกตำแหน่งที่ตั้งเช่นกับ Location Extensions แต่ส่วนขยายนี้จะเหมาะสำหรับร้านค้าที่มีหลายสาขา เพราะระบบจะแสดงสาขาที่ใกล้ตัวผู้ค้นหามากที่สุดแทน

5. Price Extensions คือ ส่วนขยายที่ใช้สำหรับการบอกราคาสินค้า บริการ เหมาะสำหรับธุกิจ E-Commerce นอกจากนี้ยังสามารถใช้ส่วนขยายนี้ เมื่อมีการทำโปรโมชั่นสินค้า

6. App Extensions คือ ส่วนขยายที่สามารถเพิ่มเข้าไปเพื่อแนะนำให้ผู้ใช้งาน เข้าไปโหลดแอปพลิเคชันและติดตั้งได้ เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่มีแอปพลิเคชันเป็นของตัวเอง

7. Review Extensions คือ การนำรีวิวจากผู้ใช้งานจริงมาแสดงผลบนส่วนขยาย Google Ads ตัวนี้  แต่ส่วนขยายนี้ยังไม่สามารถใช้ได้ในประเทศไทยนะครับ


หากเราสามารถเลือก ส่วนขยาย ที่เข้ากับธุรกิจของเราได้ก็จะช่วยในเรื่องของการเพิ่มอัตราการคลิกให้สูงขึ้น (CTR, Click-through rate) เพราะจะทำให้เราสามารถเพิ่มโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการเข้าไปได้อีก การทำแบบนี้จะทำให้โฆษณาโดดเด่น และขยายความคำโฆษณาให้เจาะลึกมากขึ้น 










วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

คู่มือมาตราฐานการโพสต์

 







ให้ข้อมูลครบถ้วน
การเขียนโพสต์ขายของให้ปัง ๆ ต้องให้ข้อมูลครบถ้วน ไม่ว่าจะข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ คุณสมบัติพิเศษ และส่วนสำคัญที่สุดคือ ราคา หากร้านไหนยังปิดราคาแล้วให้ทักถาม ลูกค้าจะไม่พอใจแน่นอน เนื่องจากเป็นการยุ่งยากต้องเสียเวลาทักถาม ซึ่งจะทำให้คุณเสียโอกาสในการขายไปได้เลย


ข้อความต้องสั้นกระชับ
วิธีโพสต์ขายของ ไม่ว่าจะข้อความบนภาพ แคปชั้นขายของออนไลน์ต้องสื่อถึงสินค้าหรือบริการ การโพสต์ขายของควรจะสรุปใจความสำคัญให้ได้ 1-2 ประโยค ทำให้เห็นถึงสินค้าหรือบริการของเราสามารถแก้ไข pain point ปัญหาของลูกค้าได้



รูปภาพต้องสวยสะดุดตาดึงดูดความสนใจ
โดยส่วนใหญ่คนจะชอบดูคลิปวิดีโอสั้น ๆ หรือ ภาพถ่ายสวย ๆ สีสันสะดุดตา จะเป็นตัวหยุดโพสต์นั้นได้อย่างดี ซึ่งหลักการโพสต์ขายของสิ่งแรกคือ ภาพต้องเป๊ะปัง สื่อถึงสินค้าที่เราขาย ข้อความสั้น ๆ เข้าใจง่าย นี่คือหนึ่งในวิธีโพสต์ขายของออน ไลน์


ใส่ข้อมูลสินค้าและบริการที่ครบถ้วน
วิธีโพสต์ขายของที่ทำให้ลูกค้าสนใจและสอบถามจะต้องให้ข้อมูลสินค้าอย่างครบถ้วน ทั้งขนาด วัสดุการผลิต คุณสมบัติ ราคา รายละเอียดโปรโมชันไว้ในแคปชันเสมอ เพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินใจได้ทันที เพราะการที่ทำให้ลูกค้าต้องทักเข้าไปถาม อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกกดดันและอาจตัดสินใจเลื่อนผ่านโพสต์คุณไปเลย


ความเร็วและถูกต้อง
ต้องให้บริการหลังการขาย เช่น
-การตอบแชท ควรไม่ให้ลุกค้ารอนาน เกิน 3 นาที
-ต้องเร็วทั้งการตอบในข้อความโพสต์และแชท
-ต้องเร็วในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า

ควรศึกษา ก่อนว่าเรามีบริการอะไรบ้าง เพื่อตอบลูกค้าให้ถูกต้องและ อาจส่งเสริมการขายในบริการอื่นๆได้


FACEBOOK ADS การยิงโฆษณาประเภทข้อความ

FACEBOOK ADS การยิงโฆษณาประเภทข้อความ







โดยปัจจุบันเค้ามีวัตถุประสงค์ในการยิงโฆษณาแบบ “ข้อความ (Messages)” ขึ้นมารองรับการทำการตลาดตรงนี้โดยเฉพาะ เมื่อเราเลือกวัตถุประสงค์นี้ จะเป็นการบอกให้ระบบพยายามนำส่งโฆษณาของเราไปหาคนที่มีแนวโน้มจะสนทนากับธุรกิจของเราใน Messenger


ซึ่งภายใต้วัตถุประสงค์นี้เราสามารถยิงโฆษณาได้ 2 ประเภท

1. โฆษณาที่คลิกไปยัง Messenger (Click to Messenger)

โฆษณาประเภทนี้ คือ โฆษณาที่เรากำหนดปลายทางในการคลิกไปยัง Messenger ไม่ว่ากลุ่มเป้าหมายจะเห็นโฆษณาบน Facebook Instagram หรือใน Messenger เมื่อเค้าคลิกโฆษณา ก็จะนำพาไปสู่การเริ่มต้นการสนทนากับธุรกิจใน Messenger ทันที โดย Facebook จะให้เรา กำหนด “ข้อความต้อนรับ” เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเริ่มสนทนากับธุรกิจด้วยครับ



2. ข้อความที่ได้รับการสนับสนุน (Sponsored message)

โฆษณาอีกประเภทที่เราสามารถใช้ได้ภายใต้วัตถุประสงค์ข้อความ คือ “ข้อความที่ได้รับการสนับสนุน (Sponsored message) ซึ่งเป็นการยิงโฆษณาแบบข้อความไปหากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าที่ “เคย” สนทนากับธุรกิจมาก่อนบน Messenger ครับ


ข้อดีของการยิงโฆษณาแบบข้อความ

1. เป็นการติดต่อสื่อสารที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค

เมื่อทุกวันนี้ผู้บริโภคชอบแชท เราก็ทำโฆษณาที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของเค้าไปเลย แทนที่จะยิงโฆษณาทั่วไป และรอให้เค้า inbox มาสอบถาม เราก็ยิงโฆษณาไปใน inbox เพื่อเปิดการสนทนาเองเสียเลย

2. เป็นช่องทางในการทำตลาดแบบ Personalization

การยิงโฆษณาแบบข้อความช่วยให้เราติดต่อกับกลุ่มเป้าหมายได้ในระดับลึกมากยิ่งขึ้น เมื่อเข้าสู่การสนทนา เราจะรู้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายที่เรากำลังคุยอยู่เป็นใคร มีความต้องการหรือปัญหาอะไร ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด และมีความเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น

3. ให้ความรู้สึกที่ Soft กว่าการปิดการขายตรงๆ


ลองนึกดูว่า ถ้าลูกค้ากำลังเริ่มสนใจสินค้านิดๆ การที่เค้าคลิกโฆษณา แล้วมันนำไปยังหน้าสั่งซื้อสินค้าเลย ลูกค้าอาจรู้สึกว่ามันรวบรัดเกินไป Hard sale เกินไป การนำพาเค้าไปยัง inbox เพื่อให้เค้ามีโอกาสได้สอบถามข้อมูล หรือได้ไขข้อสงสัยก่อน อาจเป็นทางเลือกที่ Soft กว่าในการกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าของเรา

แนวทางในการยิงโฆษณาแบบข้อความ

1. ยิงเพื่อปิดการขายตั้งแต่แรก

บางธุรกิจที่มั่นใจว่าสินค้าของตัวเองเป็นสินค้าประเภทซื้อง่ายขายคล่อง เป็นสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณาแว็บเดียวแล้วอยากได้เลย สร้างความต้องการซื้อได้ทันที

2. ยิงเพื่อสร้าง Leads

เราอาจใช้การยิงโฆษณาแบบข้อความเพื่อหา “ว่าที่ลูกค้า (Leads)” หรือ คนที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อสินค้าของเรา เน้นการสร้างปฎิสัมพันธ์ โดยมุ่งเก็บข้อมูลคนเหล่านี้ไว้เพื่อที่จะยิงโฆษณาซ้ำกลับไปหา (retargeting) เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจหรือปิดการขายอีกที

3. ยิงเพื่อ Retargeting

เราอาจะใช้โฆษณาแบบข้อความ ยิงไปหากลุ่มเป้าหมายที่เคยเห็นโฆษณา หรือเคยมีปฎิสัมพันธ์กับธุรกิจของเราไปแล้ว เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อหรือปิดการขาย

4. ยิงเพื่อ Up-selling หรือ Cross-Selling

เราอาจใช้โฆษณาแบบข้อความยิงไปหาคนที่เคยสนใจสินค้า หรือยิงไปหาลูกค้าเก่า เพื่อที่นำเสนอสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าหลัก (Cross-Selling) หรือนำเสนอสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น (Up-selling)

5. ยิงเพื่อ support ปัญหาหรือข้อสงสัยต่างๆ

เราคงจะเห็นแล้วว่าการยิงโฆษณาแบบข้อความสามารถทำได้หลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับว่า “เราต้องการผลลัพธ์อะไร” และ “เราขายสินค้าประเภทไหน” เป็นสำคัญ

สรุป

เราคงจะเห็นแล้วว่าการยิงโฆษณาแบบข้อความสามารถทำได้หลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับว่า “เราต้องการผลลัพธ์อะไร” และ “เราขายสินค้าประเภทไหน” เป็นสำคัญ สมมติคุณขายสินค้าที่รู้อยู่แล้วว่าขายยาก แต่คุณกลับยิงโฆษณาแบบข้อความไปเพื่อหวังปิดการขายแต่แรกที่ลูกค้าเห็นโฆษณา มันก็คงไม่เวิร์คแน่ๆ เพราะฉะนั้น 2 เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่คุณต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนยิงโฆษณา และเลือกแนวทางในการใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้เราได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ และไม่ละลายเงินค่าโฆษณาไปแบบสูญเปล่า

ขอบคุณที่มา : maxideastudio

  5 ส. หรือ 5S คือเครื่องมือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบไปด้วย สะสาง-สะดวก-สะอาด-สุขลักษณะ-สร้างนิสัย มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ เพื่อลดต้...