วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เจาะกลุ่มโมเดลธุรกิจของ Alibaba

 เจาะกลุ่มโมเดลธุรกิจของอาลีบาบา

1.เถาเป่า ทำธุรกิจแพลตฟอร์มค้าปลีกแบบ C2C (Customer to Customer)โดยให้คนที่ต้องการขายสินค้ามาเปิดร้านค้าออนไลน์บนแพลต ฟอร์มได้ฟรี และจะเก็บค่าใช่จ่ายเมื่อผู้ขายต้องการทำการตลาดหรือโฆษณาสินค้า ปัจจุบันเถาเป่ามีคนขายสินค้าในระบบประมาณ 400 ล้านราย

2.Tmall ทำธุรกิจแพลตฟอร์มค้าปลีกแบบ B2C (Business to Customer) โดยให้ร้านคำแบรนด์ดังเข้ามาขายของในแพลตฟอร์ม จะเก็บค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซนต์ของยอดขายและเก็บค่าบริการรายปี

3.Aliexpress ทำธุรกิจแพลตฟอร์มค้าปลีกระหว่างประเทศ โดยส่งสินค้าจากผู้ขายในจีนไปจำหน่ายให้ผู้ซื้อประเทศต่างๆ โดย Aliexpress จะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นเป็นร้อยละของมูลค่าการทำธุรกรรมในช่วง 5% - 8% และเก็บค่าธรรมเนียมคงที่อีกจำนวนหนึ่งอีกด้วย


4.1688.com เป็นแพลตฟอร์มค้าส่งในประเทศจีน ก่อตั้งในปี 2010 มี ซัพพลายเออร์มากกว่า 500,000 ซัพพลายเออร์ในระบบ มีสินค้ากว่า 150 ล้านชนิด รายได้ของ 1688.com จะมาจากค่าบริการสมาชิกและค่าใช้จ่ายเรียกเก็บจากบริการเสริม เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล และ บริการด้านการตลาดออนไลน์

5.Alimama เป็นแพลตฟอร์มการตลาดที่ขนาดใหญ่ที่สุดในจีนโดย Alimama ช่วยทำโฆษณาสินค้าออนไลน์ ให้กับลูกค้า มีรายได้จากการ เก็บค่าโฆษณาเหมือนกับบริษัทโฆษณาทั่วไป

6.Alibaba Cloud คือ ธุรกิจคลาวค์คอมพิวเตอร์ของอาลิบาบา ให้บริการ Data Center, การวิเคราะห์ข้อมูล 

Big Data โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent, AI) และระบบความปลอดภัยของข้อมูล 

โดย Alibaba Cloud มี Data Center ด้วยกัน 14 แห่งทั่วโลก และมี Data Center ในจีนมากถึง 6 แห่ง พร้อมทั้งยังมีลูกค้าใช้บริการทั่วโลกมากถึง 2.3 ล้านราย จน IDC จัดให้ Alibaba Cloud เป็นผู้ให้บริการ 

Cloud Infrastructure Service อันดับ 5 ของโลกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


7.Ant Financial เป็น Fintech ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ให้บริการชำระเงินออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม Alipay นอกจากนั้น Ant Financial ยังทำธุรกิจการเงินอื่น เช่น แพลตฟอร์มการลงทุน Yu' E Bao ,
ธนาคารออนไลน์ MYbanker , ประกันภัยออนไลน์ ZhongAn insurance, บริษัทประเมินเครดิต 

Sesame Credit และแพลตฟอร์มให้กู้แบบบุคคลต่อบุคคล (Peer to Peer Lending) ZhaoCai Bao



8.Cainiao Network ไช่เหนี่ยวหว่างลั่วเป็นแพลตฟอร์มด้านโลจิสติกส์ของอาลิบาบา โดยไม่ได้มีรถขนส่งของตัวเองแต่เน้นการเป็น ตัวกลางในการเชื่อมโยงบริษัทขนส่งต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อรองรับการจัดส่งสินค้าออนไลน์ โดยมีการใช้ AI มาวิเคราะห์การจัดการ Logistic ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เช่น 

วิเคราะห์เส้นทาง และบริหารการจัดส่งสินค้า เป็นต้น



เว็บบริษัท : https://bsgroupthailand.com/service.php


6 กลยุทธ์ที่ในการลดต้นทุน​ และเพิ่มผลกำไร​


1.กลยุทธ์การจัดการยานพาหนะให้เหมาะสม

    ผู้ประกอบการต้องสังเกตุว่าพาหนะที่ใช้ในการขนส่งเป็นอย่างไร ถ้าเราขนส่งสินค้าขนาดเล็กในเขตพื้นที่ที่ไม่ไกลจากจุดต้นทางมากนัก ในรัศมีประมาณ 1 กิโลเมตร หากเป็นไปได้การหยิบจักรยานมาใช้ก็จะทำให้ลดค่าน้ำมันไปได้ แต่ถ้าหากเกินกว่านั้นอาจจะต้องใช้บริการรถมอเตอร์ไซค์ก็สามารถทำได้ ซึ่งในอนาคตเราอาจใช้โดรนในการขนส่งสินค้าแทนแบบ amazon และ 7-Eleven ก็เคยทำมาแล้วทำให้ประหยัดขึ้นไปอีก ดังนั้นผู้ประกอบต้องคำนึงเรื่องยานพาหนะเป็นหลัก เพื่อลดต้นทุนในการขนส่งให้ดีมากยิ่งขึ้น


2.กลยุทธ์การบริหารจัดการเชื้อเพลิง

วิธีนี้เราต้องเปลี่ยนกลยุทธ์เชื้อเพลิงใหม่ โดยปรับเปลี่ยนพลังงานที่ใช้ในการขนส่งจากน้ำมันดีเซล หรือเบนซิน เป็นไบโอดีเซล หรือ ก๊าซ CNG ซึ่งการใช้ก๊าซ CNG นั้นจะประหยัดกว่าการใช้น้ำมันถึง 60-70% แต่การเปลี่ยนแบบนี้อาจจะต้องเสียค่าดูแลรักษารถมากขึ้น ในอนาคตอีกไม่นานเราอาจได้ใช้รถขนส่งแบบชาร์ตไฟฟ้า เหล่าผู้ประกอบการเตรียมศึกษาไว้ได้เลย เปลี่ยนก่อนประหยัดกว่า

3. กลยุทธ์การขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport)

กลยุทธ์นี้เป็นวิธีการขนส่งสินค้าด้วยวิธีการผสมผสานการขนส่งหลายรูปแบบจากสถานที่หนึ่งหรือจากผู้ส่งสินค้าต้นทางไปสู่สถานที่หนึ่ง หรือต่อเนื่องไปจนถึงสถานที่ หรือผู้รับสินค้าปลายทางภายใต้สัญญาหรือผู้รับผิดชอบการขนส่งรายเดียว เป็นการผสมผสานการขนส่งสินค้า เช่น ทางถนน ทางรถไฟ ทางน้ำ ฯลฯ โดยแนวคิด และเป้าหมายในการใช้การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ มุ่งเน้นไปที่การทดแทนการขนส่งทางถนนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าโดยคำนึงถึงต้นทุนการขนส่งของรูปแบบต่างๆ ให้ประหยัดที่สุด


4.กลยุทธ์ลดการขนส่งเที่ยวเปล่า (Backhauling Management)

การเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วยการลดการวิ่งเที่ยวเปล่าเป็นการจัดการการขนส่งที่มีเป้าหมายให้เกิดการใช้ประโยชน์จากยานพาหนะ เพราะการขนส่งโดยทั่วไปเมื่อส่งสินค้าถึงที่หมายแล้ว จะตีรถวิ่งเที่ยวเปล่ากลับมา ซึ่งทำให้ต้นทุนของการประกอบการเพิ่มสูงขึ้นโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งต้นทุนที่เกิดขึ้นมานี้นับเป็นต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า  และผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนเหล่านี้ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ต้นทุนการประกอบการสูงขึ้น

5.กลยุทธ์ศูนย์กระจายสินค้า

คลังสินค้าที่ทำหน้าที่ทั้งในฐานะเป็นคลังสินค้า (Warehouse) และเป็นหน่วยเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิต (Manufacturer) กับผู้ขายปลีก (Retailers) จะเป็นผู้ให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ (Logistics Provider) ในด้านการจัดเก็บสินค้าและการจัดการขนส่งสินค้าสำเร็จรูปให้กับลูกค้าได้ อย่างทันเวลาและถูกต้องตรงตามความต้องการ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นนี้ คือ การลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งของผู้ผลิตไปสู่ผู้ขายปลีกหรือลูกค้าแต่ละราย ผู้ผลิตสามารถขนส่งมาที่ศูนย์กระจายสินค้าเพียงแห่งเดียว


6.กลยุทธ์ใช้แอปพลิเคชันรถขนส่งเหมาคัน (FULL TRUCK LOAD)

การขนส่งหากผู้ขับขี่มีความชำนาญในพื้นที่ก็จะทำให้การส่งของรวดเร็ว ถึงมือผู้รับอย่างมั่นใจ และประหยัดน้ำมัน กลยุทธ์คือใช้แอปพลิเคชันจองรถขนส่งเหมาคัน ที่ทั้งง่ายและปลอดภัย ทำให้ธุรกิจคุณหมดกังวล อาจจะต้องมีระบบติดตามสถานะงานขนส่งได้แบบเรียลไทม์ที่มีความละเอียดและเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถเลือกรูปแบบการขนส่ง เลือกประเภทรถ และสามารถกำหนดวันเวลาใช้งานได้ด้วยตนเอง โดยรูปแบบการชำระเงินก็มีทั้งแบบเชำระปลายทาง บัตรเครดิต และเป็นเอกสารใบแจ้งหนี้ สามารถจัดการระบบการขนส่ง เพื่อลดงานให้กับผู้ขับและผู้ใช้บริการ ช่วยลดต้นทุนในการขนส่งให้กับผู้ประกอบการ



ข้อมูลจาก : https://mgronline.com/smes/detail/9620000059851http://www.thailandindustry.com/onlinemag/view2.php?id=1034&section=5&issues=77https://www.mmthailand.com/https://blog.giztix.com/

วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566

แนวโน้มโลจิสจติกส์ของประเทศไทย



การได้มาของข้อมูลเพื่อมาทำ Big Data​

ผู้ประกอบการยอมขาดทุนจำนวนมาก





แนวโน้มของการทำธุรกิจยุคใหม่ของต่างชาติจะมีรูปแบบของการกระตุ้นการตลาด โดยใช้การขาดทุนจำนวนมาก ผ่านการตั้งราคาที่ไม่คำนึงถึงต้นทุน เพียงหวังเพื่อให้ได้จำนวนผู้ใช้บริการมากๆ อันจะนำไปสู่การได้ฐานข้อมูล(Big data) ซึ่งจะมีมูลค่าและเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการทำธุรกิจของกลุ่มเจ้าของสินค้า ตลอดจนกลุ่มนักลงทุนจากทั่วโลก การตั้งราคาต่ำ ทำให้เกิดการขาดทุนจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการทั่วไป โดยเฉพาะผู้ประกอบการคนไทยไม่สามารถแข่งขันได้​



5 แนวโน้มโลจิสติกส์ทั่วโลกปี 2021​


ปี 2020 เป็นปีที่ยากลำบากและท้าทายที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ จนถึงปัจจุบัน มีผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการจากโรคโควิด-19 แล้ว 2.2 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 ล้านคน การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน การใช้ชีวิต และการเล่นของเราเป็นพื้นฐานที่ทำให้บางพื้นที่ต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วหลายปี (เช่น วิธีที่เราบริโภค ซื้อ และทำงาน) ในขณะที่พื้นที่อื่นๆ ถอยหลัง (เช่น ต่อสู้กับความยากจนทั่วโลก)​

เทรนด์ที่ 1: โลจิสติกส์สีเขียว​
เทรนด์ที่ 2: ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน​
เทรนด์ที่ 3: การขนส่งสินค้าแช่เย็น
เทรนด์ที่ 4: บริการหลากหลายช่อทางและการติดต่อส่งสินค้าน้อยลงตามวิถีใหม่
เทรนด์ที่ 5: เทคโนโลยีและ 5G​




เว็บบริษัท : https://bsgroupthailand.com/service.php

วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2566

คู่มือการจัดจราจร ช่วยลูกค้ายกของ

 





การเข้าหาลูกค้าและสอบถามการจัดส่ง
  • ทักทายลูกค้าก่อน (สวัสดี ครับ/ค่ะ)
  • สอบถามการจัดส่ง (ลูกค้าจะส่งของไปที่จังหวัดไหน ครับ/ค่ะ)






โบกรถเข้าจอดตามโซน
(ขาเข้า)
  • ใช้มือกวักเข้าหาตัวเพื่อส่งสัญญาณให้คนรถถอยหลังเข้ามาโดยใช้ความระมัดระวัง
  • สัญลักษณ์มือในการโบกต้องชัดเจน
  • ใช้น้ำเสียงที่ชัดเจนในการบอกคนขับให้ทราบว่าซ้าย/ขวา หรือ หยุด
  • ตำแหน่งการยืนต้องยืนด้านหลังรถและอยู่ในตำแหน่งที่คนขับรถมองเห็นได้ชัดเจน
(ขาออก)
  • ตำแหน่งในการยืนอยู่ในตำแหน่งที่รถจะออกไม่ว่าจะเป็นทั้งหน้ารถและหลังรถและอยู่ในจุดที่คนขับมองเห็นชัดเจน
  • ก่อนโบกรถให้ออกคนโบกควรมองซ้ายมองขวาเพื่อดูรถที่สัญจรไปมาก่อนที่จทำการโบกรถออกมา
  • ถ้าการจราจรสะดวกแล้วให้โบกมือส่งสัญญาณให้รถออกมาได้เลย


การตรวจสอบสินค้า
  • มีการถามลูกค้าว่าสินค้าเป็นสินค้าอะไร มีทั้งหมดกี่ชิ้น
  • ตรวจสอบสินค้าว่ามีขนาด น้ำหนักเท่าไหร่


การนำสินค้าลงมาวาง
  • ก่อนนำสินค้าลงมาวางควรมีการขออนุญาตลูกค้าในการช่วยยกสินค้าออกจากรถ
  • การวางสินค้าควรวางด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรวางสินค้าด้วยความรุนแรง เพื่อป้องกันสินค้าของลูกค้าเกิดความเสียหาย





การจัดเตรียมพาเลท
  • ควรจัดเตรียมพาเลทไว้ตรงโซนสินค้าที่จะนำจัดส่งไปที่จังหวัดอุบลราชธานี
  • วิธีการยกพาเลทควรใช้คนยก 2 คนขึ้นไป เพื่อป้องการเกิดอุบัติเหตุขณะที่ทำการยกพาเลท
  • ตอนวางพาเลทควรวางตรงจุดที่รถจะถอยเข้ามาส่งของเพื่อสะดวกต่อการนำสินค้าลงมาวาง
  • ตอนวางพาเลทควรวางด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันการเสียหายของตัวพาเลท



เว็บบริษัท : https://bsgroupthailand.com/service.php

เจาะลึกความสำเร็จของ Alibaba

 Alibaba คืออะไร?


    Alibaba คือ เว็บไซต์ตลาดออนไลน์สัญชาติจีนที่ได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2542 โดย “แจ๊ค หม่า” อยู่ในรูปแบบการค้าขาย B2B Marketplace ที่มีไว้เพื่อขายส่งสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจ มีสินค้าหลากหลาย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเน้นซื้อในปริมาณมากมาขายทำกำไร มีการกำหนดยอดขั้นต่ำเอาไว้แล้วระบุเป็นแคตตาล็อกสำหรับจำหน่ายสินค้า ยิ่งซื้อมากราคาก็จะถูกลงตามไปด้วย

    โมเดลธูรกิจของ Alibaba


    ทำธูรกิจแฟลต์ฟอร์มค้าปลีกแบบC2C (customer to customer) โดยให้คนที่ต้องการขายสินค้ามาเปิดร้านค้าออนไลน์บนแฟลต์ฟอร์มได้ฟรี และจะเก็บค่าใช่จ่ายเมื่อผู้ขายต้องทำการตลาดหรือโฆษณาสินค้าปัจจุบันเถาเป่ามีคนขายยสินค้าในระบบประมาณ 400ล้านราย

ทำธูรกิจค้าแพลต์ฟอร์มค้าปลีกแบบ B2C ( business to customer) โดยให้ร้านค้าแบรน์ดังเข้ามาขายในแพลต์ฟอร์ม จะเก็บค่าใช้จ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายและเก็บค่าบริการรายปี
ไช่เหนี่ยวหว่างลั่ว เป็นแพลต์ฟอร์มด้านโลจิตกส์ของอาลีบาบา โดยไม่ได้ัมีรถขนส่งเป็นของตัวเองแต่เน้นการเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงบริษัทขนส่งต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อรองรับการจัดส่งสินค้าออนไลน์ โดยมีการใช้ AI  มาวิเคราะห์การจัดการ โลจิสติกส์ ให้มีประสิทธิภาพ เช่น วิเคราะห์เส้นทาง และบริการการจัดส่งสินค้า เป็นต้น
    ลักษณะการดำเนินกิจการ
1. cainiao ลงทุนซื้อคลังสินค้าของตัวองแต่่ใช้รถ Line Hall และรถส่ง Last mile ของบริษัทพันธมิตร

2.cainiao มีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่คลังสินค้า โดยเฉลี่ยลูกค้าของ cainiao ค่าขนส่งของผู้ใช้บริการขนส่งรายย่อยอยู่ที่ 20-25 บาทต่อชิ้น โดยขณะที่ผู้ให้บริการขนส่งทั่วไปมีคลังสินค้าให้ด้วย จะอยู่ที่ประมาณ 50 บาทต่อชิ้น 

3.ถ้าคลังสินค้าเต็มก็ยังสามารถเช่าคลังสินค้าของพันธมิตรผ่านระบบ ai ได้

4.การเชื่อมโยงของระบบ skynet และ Ground network ทำให้ขนส่งสินค้าพันนธมิตรของ Alibaba ไปปรากฏชื่อใน Platform E-commerce ทั้ง taobao และ Tmall ซึ่งความเชื่อมโยงไม่จำกัดแค่ระบบขนส่งแต่รวมระบบ จ่ายเงินออนไลน์และการจ่ายเงินปลายทาง

5.การใช้ big date และการใช้พันธมิตร ทำให้ cainiao   ไม่ต้องจ้างคนเยอะเกินไป หลักจากก่อตั้งบริษัทได้ 2 ปี มีพนักงาน 1000 คน แต่มีการประสานงานกับผู้คนมากกว่า 200 ล้านคน ใน 1 วัน เพื่อจัดการพัสดุ มหาศาลประมาณ  35 ล้านชิ้นต่อวัน  


6.cainiao ยังได้ทำการลดต้นทุน ค่าเอกสารโดยการหันมาใช้เอกสารอิเลกทรอนิกส์แทน ซึ่งช่วยทำให้ส่งพัสดุเร็วขึ้น 30 % และลดต้นทุนค่าเอกสารมากว่า 50 % รวมเป็นเงินปีละ 6,000ล้านกว่าบาท

เว็บไซต์บริษัท : https://bsgroupthailand.com/news-detail.php?id=58








วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566

แนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย

 

แนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย

ร่งพัฒนาและผลักดันการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก และพัฒนาปัจจัยสนับสนุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

ยกระดับโครงสร้างขึ้นพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในอุตสาหกรรมโสจิสลิกส์ รวมทั้งพัฒนา และเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง​

1.พัฒนาโครงสร้งพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมโลจิสติกส์ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ใช้ครบวงจรอย่างมืออาชีพ

2.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการใช้ประโยชน์ จาก Application หรือ

Platform Online ในการขนส่งสินค้า บริหารจัดการคลังสินค้า และ กิจกรรมโลจิสติกส์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน


3.พัฒนาการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลด้านโสจิสติกส์ ของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลไปใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ ติตามประเมินผล และวางแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจ


4.การพัฒนาแบบจำลองธุรกิจ (Simulation Model) เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์และเตรียม ความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของตลาดได้ทันต่อสถานการณ์


สนับสนุนการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ B2C (Business to Cosnsumer) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างมืออาชีพ


สนับสนุนการเชื่อมโยงการค้าสู่รูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) เพื่อขยายโอกาส

ทางการตลาดและสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

(Digital Technology)


ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ

ส่งเสริมผู้ประกอบการในการปรับการบริหารคลังสินค้าให้สามารถรองรับการดำเนินธุรกิจแบบ e-Commerce เช่น

1.การบริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บสินค้าระหว่างการผลิต (Work in Process) เพื่อตอบสนองการผลิตขั้น

สุดท้ายตามความต้องการของผู้บริโภค

2.การพัฒนาการบริการคลังสินค้าพร้อมจัดส่ง (Fulfillment)

3.พัฒนาเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าส่วนภูมิภาค (Regional Distribution) เพื่อตอบสนองความ

ต้องการขนส่งแบบถึงมือผู้รับ (Door-to-Door) ได้ย่างมีประสิทธิภาพ


สร้างเครือข่ายผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยและสร้างพันธมิตรกับผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค


1.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทย เข้าร่วมลงทุนและสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการต่างประเทศทั้งใน

ภูมิภาคและอนุภูมิภาค เพื่อขยายฐานการตลาดและสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจ


2.พัฒนาศูนย์ให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านโลจิสติกส์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ

นำเข้า-ส่งออก การขนส่ง และกิจกรรมโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ตลอดจนระเบียบและวิธีการปฏิบัติของแต่ละประเทศ


3.ส่งเสริมการปรับรูปแบบการดำเนินกธุรกิจไปสู่แนวศิดเศรษฐกิจแบ่งบัน (Sharing Economy) เพื่อให้เกิด

การใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ


4.สนับสนุนมาตรการทางการเงินและทางภาษีให้แก่ผู้ให้บริการโสจิสติกส์ไทยในการลงทุนและสร้างเครือข่ายในต่างประเทศ


เว็บไซต์บริษัท : https://bsgroupthailand.com/news-detail.php?id=58


วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เทคนิค ยิง Facebook Video Ads ยังไงให้รุ่ง


เทคนิค ยิง Facebook Video Ads ยังไงให้รุ่ง



สำหรับเจ้าของธุรกิจที่มี Facebook Fanpage เป็นของตัวเอง ร้อยทั้งร้อยก็ต้องอยากทดลองยิงแอด Facebook แบบวิดีโอดูสักครั้ง เนื่องจากในปัจจุบันพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคเปลี่ยนไป พวกเขามักไถฟีดเพื่อเน้นชมคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น หากคุณคือหนึ่งในเจ้าของธุรกิจที่อยากศึกษาเรื่องการยิง Facebook Video Ads บทความนี้มีคำตอบดี ๆ ให้กับคุณ!

คุณสมบัติของชิ้นงานโฆษณาแบบวิดีโอ

ก่อนที่เราจะเข้าสู่เรื่อง “เทคนิคการยิง Facebook Video Ads” สิ่งที่คุณควรทราบ คือคุณสมบัติของชิ้นงานวิดีโอที่ถูกกำหนดไว้ในแพลตฟอร์ม ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ Video Ads แบบ Reels และ Video Ads บนหน้าฟีด


Video Ads แบบ Reels

  • ไฟล์ที่ใช้จะต้องเป็นไฟล์ MP4, MOV 
  • สัดส่วน (Ratio) 9:16
  • ความละเอียดต่ำสุดที่แนะนำ คือ 500*888 pixels
  • Maximum File Size 4 GB


    Video Ads บนหน้าฟีด

    • ไฟล์ที่ใช้จะต้องเป็นไฟล์ MP4, MOV และ GIF
    • สัดส่วน (Ratio) 4:5
    • ความละเอียดต่ำสุดที่แนะนำ คือ 1080*1080 pixels
    • ความยาววิดีโอ ตั้งแต่ 1 วินาที – 241 นาที
    • Maximum File Size 4 GB
    • Minimum Width และ Minimum Height 120 pixels

5 เทคนิคยิง Facebook Video Ads ให้ได้ Engagement ดี 

หากคุณกำลังวางแผนผลิตชิ้นงานวิดีโอ เพื่อยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Facebook นี่คือ 5 คำแนะนำฉบับ Digital Tips ลองทำตามเพื่อเพิ่ม Engagement และบริหารเม็ดเงินงบโฆษณาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด!

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แม่นยำ

การสร้างชิ้นงานวิดีโอที่ดี โดยเฉพาะชิ้นงานที่ต้องการยิงโฆษณาแบบ Facebook Video Ads คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ก่อนว่า “คุณอยากให้ใครเป็นผู้ชมวิดีโอเหล่านี้” และหลังจากที่ชมวิดีโอเรียบร้อยแล้ว คุณต้องการให้พวกเขาทำอะไรต่อไป เช่น แชร์วิดีโอต่อ คลิกเข้าไปลงทะเบียนใน Landing Page หรือสั่งซื้อสินค้าใน Inbox เป็นต้น เพื่อกำหนดรายละเอียดเหล่านี้ลงในขั้นตอนของการตั้งค่า Audience ใน Ad Set และสร้างสรรค์วิดีโอให้มีรูปแบบตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง

2. ดึงดูดความสนใจให้ได้ภายใน 3 วินาทีแรก


อย่างที่คุณทราบ ว่าปัจจุบันผู้คนนิยมชมวิดีโอสั้นกันมากขึ้น และทำให้รูปแบบคอนเทนต์อย่าง Facebook Reels, Instagram Reels และคลิป TikTok มี Engagement สูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกระแสนิยมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า “ผู้ชมมักเลือกที่จะตัดสินใจคุณค่าของวิดีโอในช่วงเวลาสั้น ๆ” ประมาณ 1-3 วินาทีแรกเท่านั้น มีผู้ชมเพียงเล็กน้อยที่อดทนดูวิดีโอต่อจนเกือบจบคลิป ด้วยเหตุนี้ เราจึงแนะนำให้คุณดึงความสนใจให้ได้ภายใน 3 วินาทีแรก โดยอาจขึ้นต้นคลิปด้วยคำถาม ฉากที่น่าตกใจ หรืออาจตัดต่อเฉพาะเนื้อหาส่วนที่ Highlight ของคลิปนั้น ๆ ขึ้นมาก่อน

3. อย่าลืมใส่ Subtitle

ก่อนหน้านี้สัก 3-4 ปี Subtitle อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการยิง Facebook Video Ads เพราะคนที่ตัดสินใจจะคลิกชมวิดีโอ ย่อมหมายถึงความตั้งใจที่จะชมพร้อม ๆ กันทั้งภาพและเสียงอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบัน พฤติกรรมของผู้บริโภคต่างออกไป พวกเขามักชมคลิปวิดีโอต่าง ๆ ทุกที่ ทุกเวลา แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ เช่น บนรถไฟฟ้า ในห้องสมุด ในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ดังนั้น เราจึงแนะนำให้คุณใส่ Subtitle ลงไปในคลิปด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้คนที่ไถหน้าฟีดมาเจอวิดีโอของคุณ และต้องการรับชมโดยไม่เปิดเสียง

4. สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า น่าติดตาม

ขึ้นชื่อว่าเป็น Facebook Video Ads ซึ่งเป็นเนื้อหาที่มาจากภาคธุรกิจ ผู้บริโภคจำนวนมากก็พร้อมที่จะกดข้าม หรือเลื่อนฟีดเพื่อชมคอนเทนต์อื่นอยู่แล้ว เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า เนื้อหาที่ทำขึ้นเพื่อการโฆษณา มักไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตจริง เป็นเพียงคอนเทนต์วิดีโอที่ทำขึ้นสำหรับส่งเสริมการค้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ คุณจึงควรสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้น่าติดตาม และไม่เน้นการขายสินค้ามากจนเกินไป เช่น อาจยิงแอดเป็นคอนเทนต์รีวิว บทสัมภาษณ์จากผู้ใช้จริง หรือเป็นคลิปที่มีเนื้อหาสไตล์ภาพยนตร์สั้น ก็จะทำให้คนยอมชมวิดีโอ และเพิ่ม Engagement ได้

5. ลองใช้ Lookalike Audience



หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของการยิงแอด Facebook คือการที่คุณสามารถสร้าง Custom Audience หรือกลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเองขึ้นมาได้ ซึ่ง Facebook Ads จะอาศัยระบบ Tracking เพื่อเก็บข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ อาทิ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือ Insights ของ Facebook เอง คุณจึงสามารถรับรู้ได้ว่า ใครบ้างที่เคยเข้ามาชมคอนเทนต์ หรือเยี่ยมชมช่องทางของคุณ แล้วเก็บข้อมูลพวกเขาเอาไว้เป็นกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ยังมีอีกวิธีที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการเลือกใช้ Lookalike Audience

Lookalike Audience คือการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายเดิม โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ Custom Audience ที่คุณเคยสร้างไว้ วิธีนี้จึงทำให้คุณมีโอกาสพบกับ Audience กลุ่มใหม่ ๆ ที่มีความสนใจใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายเดิม ซึ่งก็หมายความว่า พวกเขามีแนวโน้มสูงมากที่จะกลายเป็นลูกค้าตัวจริงของคุณ

สรุป

และทั้งหมดนี้คือ 5 เทคนิคสำหรับการยิง Facebook Video Ads ให้ได้ผลและทรงประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญทั้งการตั้งค่าโฆษณาและการผลิตชิ้นงานโฆษณา เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายตามที่ต้องการ อย่างไรก็ดี พึงระลึกไว้เสมอว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการยิงแอด ก็คือการบริหารจัดงานงบประมาณ ให้คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ และไม่กระทบกับผลกำไรโดยรวม

ขอบคุณที่มาจาก : thedigitaltips

  5 ส. หรือ 5S คือเครื่องมือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบไปด้วย สะสาง-สะดวก-สะอาด-สุขลักษณะ-สร้างนิสัย มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ เพื่อลดต้...