วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

คู่มือมาตราฐานการโพสต์

 







ให้ข้อมูลครบถ้วน
การเขียนโพสต์ขายของให้ปัง ๆ ต้องให้ข้อมูลครบถ้วน ไม่ว่าจะข้อดีของการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ คุณสมบัติพิเศษ และส่วนสำคัญที่สุดคือ ราคา หากร้านไหนยังปิดราคาแล้วให้ทักถาม ลูกค้าจะไม่พอใจแน่นอน เนื่องจากเป็นการยุ่งยากต้องเสียเวลาทักถาม ซึ่งจะทำให้คุณเสียโอกาสในการขายไปได้เลย


ข้อความต้องสั้นกระชับ
วิธีโพสต์ขายของ ไม่ว่าจะข้อความบนภาพ แคปชั้นขายของออนไลน์ต้องสื่อถึงสินค้าหรือบริการ การโพสต์ขายของควรจะสรุปใจความสำคัญให้ได้ 1-2 ประโยค ทำให้เห็นถึงสินค้าหรือบริการของเราสามารถแก้ไข pain point ปัญหาของลูกค้าได้



รูปภาพต้องสวยสะดุดตาดึงดูดความสนใจ
โดยส่วนใหญ่คนจะชอบดูคลิปวิดีโอสั้น ๆ หรือ ภาพถ่ายสวย ๆ สีสันสะดุดตา จะเป็นตัวหยุดโพสต์นั้นได้อย่างดี ซึ่งหลักการโพสต์ขายของสิ่งแรกคือ ภาพต้องเป๊ะปัง สื่อถึงสินค้าที่เราขาย ข้อความสั้น ๆ เข้าใจง่าย นี่คือหนึ่งในวิธีโพสต์ขายของออน ไลน์


ใส่ข้อมูลสินค้าและบริการที่ครบถ้วน
วิธีโพสต์ขายของที่ทำให้ลูกค้าสนใจและสอบถามจะต้องให้ข้อมูลสินค้าอย่างครบถ้วน ทั้งขนาด วัสดุการผลิต คุณสมบัติ ราคา รายละเอียดโปรโมชันไว้ในแคปชันเสมอ เพื่อให้ลูกค้าได้ตัดสินใจได้ทันที เพราะการที่ทำให้ลูกค้าต้องทักเข้าไปถาม อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกกดดันและอาจตัดสินใจเลื่อนผ่านโพสต์คุณไปเลย


ความเร็วและถูกต้อง
ต้องให้บริการหลังการขาย เช่น
-การตอบแชท ควรไม่ให้ลุกค้ารอนาน เกิน 3 นาที
-ต้องเร็วทั้งการตอบในข้อความโพสต์และแชท
-ต้องเร็วในการแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า

ควรศึกษา ก่อนว่าเรามีบริการอะไรบ้าง เพื่อตอบลูกค้าให้ถูกต้องและ อาจส่งเสริมการขายในบริการอื่นๆได้


หัวใจในการพัฒนาบริการ

 


1.ให้จัดทำคู่มือบริการ

ถ้าไม่มีคู่มือบริการอยู่ได้ แต่อยู่ยากเพราะทุกคนจะสับสนว่าตนเองต้องทำอะไร ขจัดปัญหาทำให้ทุกคนมองไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้ไม่สับสนในการให้บริการ

2.พนักงานต้องเห็นความสำคัญ

กระบวนการสื่อสารภายในองค์กรจำเป็น กระบวนการปลูกจิตสำนึกจำเป็น ซึ่งเป็นกระบวยการที่จะทำให้ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน และมีหัวใจในการรักบริการ ต้องทำให้พนักงานเห็นความสำคัญของการบริการ เปลี่ยนความคิดเขาและไม่ควรทำให้เขาต่อต้านเพราะพนักงานเป็นกลุ่มที่ต้องปะทะกับลูกค้า ถ้าเขารู้สึกไม่ดีเขาจะปฏิเสธคุณเขาจะต่อว่าเขาจะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่วางไว้

3.ผู้บริหารจำเป็นต้องเห็นชอบ

เพราะบางอย่างมันต้องใช้งบประมาณบางอย่างมันต้องใช้เงิน ถ้าผู้บริหารเห็นชอบเขาก็จะไม่อนุมัติการบริการก็จะไม่เกิดทันที 

4.มีเวลาเพียงพอ

ต้องให้ทุกคนมีเวลาเตรียมตัวให้พร้อม ในการบริการที่ดีทุกคนเข้าใจหน้าที่ เตรียมขั้นตอนที่พร้อมสำหรับการบริการ เราจึงต้องมีการเขียนแผนกันว่า ปีหน้าเราจะมุ่งเน้นในการบริการที่ดีเลิศ 

5.พัฒนาพนักงาน

ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าการบริการที่ดีมีขั้นตอนยังไง เพราพจะทำให้พนักงานมองเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่าบริการจะต้องทำยังไง ถ้าเราไม่พัฒนา ความรู้ไม่มีทางเกิดขึ้นเองแน่นอน


ที่มา:https://youtu.be/lPwzqz7dYcs?si=2VoMWs-Y6xVY44gT

เว็บไซต์บริษัท : https://bsgroupthailand.com/news-detail.php?id=58

FACEBOOK ADS การยิงโฆษณาประเภทข้อความ

FACEBOOK ADS การยิงโฆษณาประเภทข้อความ







โดยปัจจุบันเค้ามีวัตถุประสงค์ในการยิงโฆษณาแบบ “ข้อความ (Messages)” ขึ้นมารองรับการทำการตลาดตรงนี้โดยเฉพาะ เมื่อเราเลือกวัตถุประสงค์นี้ จะเป็นการบอกให้ระบบพยายามนำส่งโฆษณาของเราไปหาคนที่มีแนวโน้มจะสนทนากับธุรกิจของเราใน Messenger


ซึ่งภายใต้วัตถุประสงค์นี้เราสามารถยิงโฆษณาได้ 2 ประเภท

1. โฆษณาที่คลิกไปยัง Messenger (Click to Messenger)

โฆษณาประเภทนี้ คือ โฆษณาที่เรากำหนดปลายทางในการคลิกไปยัง Messenger ไม่ว่ากลุ่มเป้าหมายจะเห็นโฆษณาบน Facebook Instagram หรือใน Messenger เมื่อเค้าคลิกโฆษณา ก็จะนำพาไปสู่การเริ่มต้นการสนทนากับธุรกิจใน Messenger ทันที โดย Facebook จะให้เรา กำหนด “ข้อความต้อนรับ” เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายเริ่มสนทนากับธุรกิจด้วยครับ



2. ข้อความที่ได้รับการสนับสนุน (Sponsored message)

โฆษณาอีกประเภทที่เราสามารถใช้ได้ภายใต้วัตถุประสงค์ข้อความ คือ “ข้อความที่ได้รับการสนับสนุน (Sponsored message) ซึ่งเป็นการยิงโฆษณาแบบข้อความไปหากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าที่ “เคย” สนทนากับธุรกิจมาก่อนบน Messenger ครับ


ข้อดีของการยิงโฆษณาแบบข้อความ

1. เป็นการติดต่อสื่อสารที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภค

เมื่อทุกวันนี้ผู้บริโภคชอบแชท เราก็ทำโฆษณาที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของเค้าไปเลย แทนที่จะยิงโฆษณาทั่วไป และรอให้เค้า inbox มาสอบถาม เราก็ยิงโฆษณาไปใน inbox เพื่อเปิดการสนทนาเองเสียเลย

2. เป็นช่องทางในการทำตลาดแบบ Personalization

การยิงโฆษณาแบบข้อความช่วยให้เราติดต่อกับกลุ่มเป้าหมายได้ในระดับลึกมากยิ่งขึ้น เมื่อเข้าสู่การสนทนา เราจะรู้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายที่เรากำลังคุยอยู่เป็นใคร มีความต้องการหรือปัญหาอะไร ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด และมีความเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น

3. ให้ความรู้สึกที่ Soft กว่าการปิดการขายตรงๆ


ลองนึกดูว่า ถ้าลูกค้ากำลังเริ่มสนใจสินค้านิดๆ การที่เค้าคลิกโฆษณา แล้วมันนำไปยังหน้าสั่งซื้อสินค้าเลย ลูกค้าอาจรู้สึกว่ามันรวบรัดเกินไป Hard sale เกินไป การนำพาเค้าไปยัง inbox เพื่อให้เค้ามีโอกาสได้สอบถามข้อมูล หรือได้ไขข้อสงสัยก่อน อาจเป็นทางเลือกที่ Soft กว่าในการกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าของเรา

แนวทางในการยิงโฆษณาแบบข้อความ

1. ยิงเพื่อปิดการขายตั้งแต่แรก

บางธุรกิจที่มั่นใจว่าสินค้าของตัวเองเป็นสินค้าประเภทซื้อง่ายขายคล่อง เป็นสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณาแว็บเดียวแล้วอยากได้เลย สร้างความต้องการซื้อได้ทันที

2. ยิงเพื่อสร้าง Leads

เราอาจใช้การยิงโฆษณาแบบข้อความเพื่อหา “ว่าที่ลูกค้า (Leads)” หรือ คนที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อสินค้าของเรา เน้นการสร้างปฎิสัมพันธ์ โดยมุ่งเก็บข้อมูลคนเหล่านี้ไว้เพื่อที่จะยิงโฆษณาซ้ำกลับไปหา (retargeting) เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจหรือปิดการขายอีกที

3. ยิงเพื่อ Retargeting

เราอาจะใช้โฆษณาแบบข้อความ ยิงไปหากลุ่มเป้าหมายที่เคยเห็นโฆษณา หรือเคยมีปฎิสัมพันธ์กับธุรกิจของเราไปแล้ว เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อหรือปิดการขาย

4. ยิงเพื่อ Up-selling หรือ Cross-Selling

เราอาจใช้โฆษณาแบบข้อความยิงไปหาคนที่เคยสนใจสินค้า หรือยิงไปหาลูกค้าเก่า เพื่อที่นำเสนอสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าหลัก (Cross-Selling) หรือนำเสนอสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น (Up-selling)

5. ยิงเพื่อ support ปัญหาหรือข้อสงสัยต่างๆ

เราคงจะเห็นแล้วว่าการยิงโฆษณาแบบข้อความสามารถทำได้หลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับว่า “เราต้องการผลลัพธ์อะไร” และ “เราขายสินค้าประเภทไหน” เป็นสำคัญ

สรุป

เราคงจะเห็นแล้วว่าการยิงโฆษณาแบบข้อความสามารถทำได้หลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับว่า “เราต้องการผลลัพธ์อะไร” และ “เราขายสินค้าประเภทไหน” เป็นสำคัญ สมมติคุณขายสินค้าที่รู้อยู่แล้วว่าขายยาก แต่คุณกลับยิงโฆษณาแบบข้อความไปเพื่อหวังปิดการขายแต่แรกที่ลูกค้าเห็นโฆษณา มันก็คงไม่เวิร์คแน่ๆ เพราะฉะนั้น 2 เรื่องนี้ เป็นสิ่งที่คุณต้องเคลียร์ให้ชัดก่อนยิงโฆษณา และเลือกแนวทางในการใช้ให้เหมาะสม เพื่อให้เราได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ และไม่ละลายเงินค่าโฆษณาไปแบบสูญเปล่า

ขอบคุณที่มา : maxideastudio

วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2566

หลักสูตรการบริการเหนือความคาดหวัง EP5

 



5 ขั้นตอนการพัฒนากระบวนการการบริการ

1.อธิบายขั้นตอนการบริการให้ชัดเจนก่อน
   ให้เราเขียนขั้นตอนมาเลยว่าการบริการมีอะไรบ้าง ควรทำอะไรก่อนอะไรหลัง เขียนออกมาให้ชัดเจน
และนำไปบอกคนอื่นๆในบริษัทให้รับรู้ว่าการบริการควรทำแบบไหนอย่างไรบอกให้ทุกคนเข้าใจ เพื่อให้คนในบริษัทไม่สับสน และทำตามได้ง่ายขึ้น

2.ต้องทำให้ทุกคนยอมรับให้ได้
    บางคนมีขั้นตอนแต่ทุกคนไม่ยอมรับต่างฝ่ายต่างมีความขัดแย้งกัน ทำให้ดำเนินการบริการยากขึ้น เพราะอย่างนั้นเองสำคัญที่สุด จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ทุกคนในบริษัทมีความคิดเห็นเหมือนกัน คือ ให้เขายอมรับในขั้นตอนการบริการที่ชัดเจนของเรา

3.เราต้องมีความจริงใจกับทุกคน
     เราต้องมีความจริงใจกับเพื่อนร่วมงาน เราไม่ได้ไปแกล้งว่าเฮ้ย แผนกนี้ไปรับลูกค้าเพราะลูกค้าดุ หรือแผนกคอลเซ็นเตอร์ ให้ลูกค้าต่อว่าไม่ใช่เราไม่ได้แกล้งใคร เพราะฉะนั้นเองเราต้องจริงใจกับทุกคน จริงใจกับพนักงาน ลูกค้า และเจ้านาย จริงใจหมดสิ่งที่เราทำเราคิดไม่ได้กลั่นแกล้งใครต่อว่าใคร เพราะฉะนั้นเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจริงใจ เมื่อเราจริงใจผลที่จะตามมาก็คือ คนอื่นๆจะสัมพัสได้ รับได้และเดินตามกระบวนการ

4.จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการจัดทำมาตราฐานการบริการ
      มาตราฐานการบริการมีกี่ระดับ ระดับหนึ่งเป็นไง ระดับสองเป็นไง เรามาตั้งเป้าหมายร่วมกัน ทำความเข้าใจกันว่า อันไหนทำได้ไม่ได้ อันไหนทำแล้วดี หรือ ไม่ดี ควรทำหรือไม่ควรทำ อันไหนพอผ่อนผันได้ก็ผ่อนผันให้มีกฏเกณฑ์มีมาตราฐาน

5.จัดทำคู่มือบริการ
      จัดทำคู่มือการบริการให้เป็นกิจลักษณะ แล้วแจ้งให้ทุกๆคนในบริษัทรับรู้จะได้มีแนวทางปฏิบัติเดียวกัน










วันจันทร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2566

วิธียิงโฆษณา Video Ads

วิธียิงโฆษณา Video Ads

        ในตอนนี้ Youtube ได้กลายมาเป็นช่องทางการตลาดออนไลน์ รวมถึงเป็น search engine ที่คนในปัจจุบันให้ความสำคัญและให้ความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ 
และไม่ใช่แค่เฉพาะแบรนด์สินค้าหรือบริการเท่านั้นที่เลือกใช้วิธีสร้างช่องบน YouTube เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เพิ่มการติดตาม สร้าง Brand Awareness ยังมีบรรดา Blogger และ Influencer ต่าง ๆ ที่พากันขยายตัวมาสู่ช่องทาง YouTube กันมากขึ้น

เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
*** เราต้องมีแชแนล Youtube ***

1.เริ่มต้นยิงโฆษณา 

    เข้าสู่การยิงโฆษณา YouTube Ads โดยกดที่คำว่า “NEW CAMPAIGN”


2. เลือกวัตถุประสงค์

ระบบจะลิงค์เรามาที่หน้าเลือกวัตถุประสงค์ของการยิงโฆษณา อันนี้เราสามารเลือกเป้าหมายในการยิงของเราได้ตามต้องการ



3. Campaign Type

เลื่อนลงมาด้านล่างเพื่อเลือก Campaign Type คือการบอกระบบว่าโฆษณาที่เรากำลังจะทำการยิงโฆษณานั้นเป็นโฆษณาประเภทไหน ในส่วนตรงนี้เราจะโฆษณา Youtube ซึ่งเป็นคลิปวิดีโอ ก็ให้คลิกคำว่า “Video” จากนั้นกด “Continue”  ต่อไปได้เลยค่ะ



4.กรอกรายละเอียดต่างๆ

กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน แต่จุดที่ต้องเน้นคือถ้าหากเป็นการยิงครั้งแรกแนะนำให้เลือกกลยุทธการเสนอราคาแบบCPA เนื่องจากรูปแบบ การเพิ่มConvernionlสูงสุด 



ข้อควรระวัง:

ในช่องการกำหนดงบประมาณ หรือ Enter budget type and amount เราสามารถกำหนดได้ 2 แบบนะคะ คือ กำหนดเป็นงบประมาณตลอดอายุการใช้งาน หรือ “Campaign Total” เช่น เรามีงบ 300 บาทสำหรับให้ยิงโฆษณา 10 วัน เท่ากับเราจะเสียค่าโฆษณาแค่ 300 บาทเท่านั้น

 

กับอีกแบบคือ กำหนดเป็นงบประมาณรายวัน หรือ “Daily” คือโฆษณาวันละ 300 บาท ไปเรื่อย ๆ จนครบ 7 วัน เท่ากับว่าเราจะเสียค่าโฆษณา 300 บาท x 10 วัน = 3,000 บาท ค่ะ เพราะฉะนั้นตรงนี้ต้องระวังอย่ากดผิดนะคะ มิฉะนั้นค่าโฆษณาจะเกินจากที่เราตั้งงบไว้แน่นอน



5.ทำคลิปให้มีคุณภาพ

ทำคลิปให้มีคุณภาพและทำการแนบลิงค์คลิปวิดิโอที่เราต้องการยิงลงในช่องในโฆษณา เมื่อแนบลิ้งในช่องแล้ว สามารถกดสร้างแคมเปญได้เลย 



ข้อเสนอแนะ: เราควรยิงหลายๆแบบ และนำมาวัดผลว่า ads ตัวไหนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเราจะได้สามารถเพิ่มงบADSได้อย่างมีประสิทธิภาพและตัดADSที่ได้ผลน้อยออก 


5 ขั้นตอนขายของใน Instagram

5 ขั้นตอนขายของใน Instagram



การขายของใน IG จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีภาพถ่ายและไอจีสตอรี่เป็นตัวกลาง แพลตฟอร์มนี้ได้รับความนิยมในไทยเป็นอย่างมากเพราะคนไทยชอบถ่ายภาพ และภาพยังสามารถสื่อสารและดึงดูดความสนใจได้ดีกว่าข้อความเพียงอย่างเดียวอีกด้วย

1. สร้างโปรไฟล์ธุรกิจสำหรับร้านค้าออนไลน์


การสร้างโปรไฟล์ธุรกิจ หรือ Business Profile บน Instagram
  • ล็อกอินไปยังบัญชีของคุณ
  • เลือก “การตั้งค่า” (Setting)
  • เลือก “บัญชี” (Account)
  • เลื่อนลงมาด้านล่างและเลือก “เปลี่ยนไปใช้บัญชีมืออาชีพ” (Switch to Professional Account)
2. ค้นหาแฮชแท็กที่เหมาะกับโพสต์ก่อนทำการโฆษณา


หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญอย่างมากสำหรับการขายของออนไลน์ก็คือทำให้ร้านขายของใน IG ของคุณเป็นที่รู้จัก เพิ่ม Traffic ในการเข้าชมโปรไฟล์ และโฆษณาสินค้าหรือบริการใหม่ๆ กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของคุณ ซึ่งสิ่งที่จะช่วยเรื่องการโฆษณาบนอินสตาแกรมให้ได้ผลก็คือแฮชแท็ก (Hashtag) บนอินสตาแกรม

มีการสำรวจออกมาแล้วว่าการใส่แฮชแท็กในโพสของคุณจะ เพิ่ม Engagement ได้มากถึง 12.6%

3. เริ่มโฆษณาบน IG เพื่อสนับสนุนการขาย


หากต้องการความสะดสกสบาย และรวดเร็วในการโปรโมทร้านค้าบน Instagram คุณสามารถกดปุ่ม Promote ใต้โพสต์ เพื่อทำการลงโฆษณาได้เลย

หลังจากนั้นสามารถใส่ข้อมูลในส่วนของกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่สถานที่ ช่วงอายุ เพศ และภาษา และใส่ “ความสนใจ” (Interest) ให้ละเอียดเพื่อให้โฆษณาไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของคุณได้ และเพิ่มประสิทธิภาพในการโปรโมท IG

4. ใช้ Instagram Shopping


ฟีเจอร์นี้จะมีแท็กปรากฏขึ้นมาเมื่อลูกค้าคลิกบนรูปภาพ บนแท็กจะประกอบไปด้วยชื่อและราคาของสินค้า และเมื่อลูกค้าคลิกลงไปบนแท็กเหล่านี้ก็จะสามารถเห็นคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ และยังเป็นช่องทางให้ลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊คเพจของคุณได้อีกทางหนึ่งด้วย

5. ติดต่อเหล่าบล็อกเกอร์หรือ Influencer เพื่อช่วยโปรโมทสินค้า


การที่มีเหล่า Influencer ที่มีผู้ติดตามมากมายบนอินสตาแกรมช่วยถ่ายรูปโปรโมทสินค้าของคุณจะสามารถช่วยให้คอนเทนท์ของคุณไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ๆ ที่อาจไม่เคยรู้จักสินค้าของคุณมาก่อนได้มากขึ้น และก็เป็นวิธีที่ถือว่าได้ผลอย่างมากในปัจจุบัน

วิธีนี้อาจจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงจำนวนผู้ติดตามของบล็อกเกอร์เหล่านั้นได้ ทั้งนี้คุณต้องมั่นใจว่ากลุ่มผู้ติดตาม Influencer นั้นๆ ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ เพราะถ้าไม่ตรงกันก็จะเป็นการเสียเงินไปเปล่าๆ

โรคเบาหวานสังเกตุยังไง

 โรคเบาหวานสังเกตุยังไง !!!!    

        โรคเบาหวาน นั้นบางทีเกิดขึ้นโดยไม่มีอาการอะไรบ่งบอก ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ หากไม่ได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ก็จะไม่ทราบว่าเป็นเบาหวาน จนกระทั่งโรคดำเนินไปมากแล้วจึงจะรู้ตัว

ที่มารูป: https://kbkjclinic.com/diabetes/

โรคเบาหวานคืออะไร ?

        โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของร่างกายต่อฮอร์โมนที่ชื่อว่า “อินซูลิน” แบ่งออกได้เป็น 2 กรณี ได้แก่

  • การหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนลดลง
  • ภาวะดื้อต่ออินซูลิน

โดยความบกพร่องดังกล่าวนี้ มีผลให้การดูดซึมน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานของเซลล์ร่างกายลดลง จนมีผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสะสมเป็นปริมาณมาก และเป็นผลให้อวัยวะต่าง ๆ เสื่อมลง และเกิดโรคหรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ตามองไม่ชัด เท้าเป็นแผล ไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และอาจอันตรายถึงขั้นต้องทำการตัดอวัยวะ เป็นต้น 

อาการที่บอกว่าเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน?

  • รู้สึกกระหายน้ำบ่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน
  • รับประทานอาหารมากขึ้นแต่กลับน้ำหนักลด
  • มีปัญหาด้านการมองเห็น ได้แก่ ตาพร่าลาย เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน
  • มีแผลเรื้อรัง เป็น ๆ หาย ๆ

ที่มารูป: https://www.sikarin.com


รู้ทันโรคเบาหวาน – ด้วยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด

        การตรวจว่าเราเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ สามารถทำได้ด้วยการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด หรือการเจาะน้ำตาลหลังอดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดมาแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (Fasting Blood Sugar: FBS) โดยระดับน้ำตาลในเลือดจะสามารถบ่งบอกถึงปริมาณของกลูโคสในกระแสเลือด ณ ขณะนั้นว่าอยู่ในระดับใด ซึ่งการตรวจน้ำตาลในเลือดนี้เป็นการตรวจที่ช่วยคัดกรองและวินิจฉัยว่าเรามีเสี่ยงเป็นเบาหวานหรือไม่

        ปัจจุบัน เราสามารถตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยตนเอง (Self Monitoring of Blood Glucose) ซึ่งสามารถตรวจได้เองเป็นประจำ มีข้อดีคือ ทำให้ทราบความเสี่ยงว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ และทำให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานสามารถปรับพฤติกรรมการดูแลตนเองได้ทันที

ระดับน้ำตาลในเลือดดูอย่างไร? 

  • 💚ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ระหว่าง 70-100 คุณอยู่ในภาวะปกติ
  • 🧡ระดับน้ำตาลในเลือดเท่ากับ 100 – 125 คุณมีภาวะความเสี่ยง หรือเรียกว่า เบาหวานแฝง
  • ❤️ระดับน้ำตาลในเลือด มากกว่า 126 คุณมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน


หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงควรทำอย่างไร?

  • รักษาแบบใช้ยา ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ยารับประทานและยาฉีด  ซึ่งแต่ละแบบมีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันออกไป โดยยารักษาโรคเบาหวานในปัจจุบันมีผลข้างเคียงน้อยและสะดวกในการใช้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจจ่ายยาให้กับผู้ป่วยแต่ละรายตามความเหมาะสม  

  • รักษาแบบไม่ใช้ยา คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คุมอาหาร และออกกำลังกาย เช่น
    • รับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index) ต่ำ ทำให้ดูดซึมน้ำตาลช้า อิ่มนาน เช่น ผักใบเขียว ฝรั่ง แอปเปิ้ล กล้วยน้ำว้า ข้าวโอ๊ต ข้าวซ้อมมือ วุ้นเส้น เป็นต้น
    • รับประทานน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน
    • ออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือว่ายน้ำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 – 5 ครั้ง หรืออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์

  • การกินอาหารเสริม คือ การรับประทานผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยลดอัตราการเกิดเบาหวาน 
    • รับประทานตัวอาหารเสริมตามคำแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเบาหวาน

จะรับประทานอาหารเสริมตัวไหนดี?

        ทางเรามีผลิตภัณฑ์อาหารเสริม “CAMINIA” ในรูปแบบแคปซูลเจลาตินนิ่ม ประกอบไปด้วยสารสกัดขมิ้นชัน น้ำมันปลา และ วิตามิน ดี3 เกรดพรีเมี่ยม ที่มีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ    
        ได้ทดสอบในกลุ่มทดลองจากการคัดกรองอาสาสมัครมากกว่า 200 คน โดยนำผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวานจำนวน 47 คน มาเข้าร่วมการทดสอบเป็นเวลานานกว่า 48 สัปดาห์ พบว่า สูตรที่ใช้ในการทดสอบ สามารถช่วยลดอัตราการเกิดเบาหวานได้ สามารถป้องกันการเกิดเบาหวานในประชากรกลุ่มเสี่ยงได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม โดยไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายจากการติดตาม

สั่งซื้อได้ที่ :https://www.facebook.com/bsonline.bkk/


ที่มาของข้อมูล :https://www.paolohospital.com
                         :https://www.sikarin.com/health/
                         :https://kbkjclinic.com/diabetes/
                         :https://www.naewna.com/lady/











  5 ส. หรือ 5S คือเครื่องมือสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ประกอบไปด้วย สะสาง-สะดวก-สะอาด-สุขลักษณะ-สร้างนิสัย มีวัตถุประสงค์หลัก ๆ เพื่อลดต้...